นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (6 ต.ค.) นายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ ให้เร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่การเกษตรฯ เพื่อสรุปข้อมูล เพื่อเสนอของบประมาณช่วยเหลือประชาชนให้เร็วที่สุด โดยในขณะนี้ตนได้สั่งการให้ทุกกรมในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ เร่งสำรวจความเสียหายและส่งข้อมูลไปยังกระทรวงเกษตรฯ เพื่อเตรียมเสนอของบประมาณกับคณะรัฐมนตรีต่อไป
ส่วนการระบายน้ำจากเขื่อนจากการประเมินสถานการณ์น้ำที่มีการระบายจากเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยาจะไหลเข้าสู่พื้นที่ใน จ.อ่างทอง สิงห์บุรี อยุธยา โดยวันที่ 8-9 ตุลาคมนี้ น้ำจะท่วมสูงสุดจากเดิมเมื่อเทียบกับวันที่จะสูงจากขึ้นอีก 1 เมตร ซึ่งน่าจะเป็นการท่วมสูงสุดในปีนี้ ขอเตือนให้ประชาชนใน 3 จังหวัดดังกล่าวเตรียมย้ายสิ่งของไปยังที่สูง
โดยจากการประเมินสถานการณ์ปีนี้ปริมาณน้ำที่จะท่วมขังคงจะไม่หนักเท่าปี 2551 เนื่องจากในขณะนี้คลองชัยน่าน และเขื่อนป่าสัก สามารถระบายน้ำช่วยเหลือพื้นที่ใน 3 จังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาได้ จากเดิมที่ติดเรื่องการระบายในปี 2551 โดยขณะนี้มีการระบายน้ำ 2,050 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่น้ำหน้าเขื่อนมีการระบายน้ำออกจากเขื่อน 2,400 -2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไหลเข้าสู่ระบบ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีการกักเก็บน้ำขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะสามารถกักเก็บน้ำโดยเฉลี่ยได้ร้อยละ 76 ของความจุ ขณะที่ปี 2551 จัดเก็บได้ร้อยละ 78-79 ของความจุ ทั้งนี้ ฝนที่ตกถือเป็นสิ่งดีเพราะเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนภูมมิพลได้ถึงร้อยละ 76 จากเดิมในปี 2551 เขื่อนภูมิพลมีน้ำเฉลี่ยแค่ร้อยละ 61 ทำให้ปีนี้สามารถช่วยเหลือเกษตรในพื้นที่ชลประทานที่ใช้น้ำจากเขื่อนภูมิพลได้มากขึ้น
ส่วนการระบายน้ำจากเขื่อนจากการประเมินสถานการณ์น้ำที่มีการระบายจากเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยาจะไหลเข้าสู่พื้นที่ใน จ.อ่างทอง สิงห์บุรี อยุธยา โดยวันที่ 8-9 ตุลาคมนี้ น้ำจะท่วมสูงสุดจากเดิมเมื่อเทียบกับวันที่จะสูงจากขึ้นอีก 1 เมตร ซึ่งน่าจะเป็นการท่วมสูงสุดในปีนี้ ขอเตือนให้ประชาชนใน 3 จังหวัดดังกล่าวเตรียมย้ายสิ่งของไปยังที่สูง
โดยจากการประเมินสถานการณ์ปีนี้ปริมาณน้ำที่จะท่วมขังคงจะไม่หนักเท่าปี 2551 เนื่องจากในขณะนี้คลองชัยน่าน และเขื่อนป่าสัก สามารถระบายน้ำช่วยเหลือพื้นที่ใน 3 จังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาได้ จากเดิมที่ติดเรื่องการระบายในปี 2551 โดยขณะนี้มีการระบายน้ำ 2,050 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่น้ำหน้าเขื่อนมีการระบายน้ำออกจากเขื่อน 2,400 -2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไหลเข้าสู่ระบบ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีการกักเก็บน้ำขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะสามารถกักเก็บน้ำโดยเฉลี่ยได้ร้อยละ 76 ของความจุ ขณะที่ปี 2551 จัดเก็บได้ร้อยละ 78-79 ของความจุ ทั้งนี้ ฝนที่ตกถือเป็นสิ่งดีเพราะเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนภูมมิพลได้ถึงร้อยละ 76 จากเดิมในปี 2551 เขื่อนภูมิพลมีน้ำเฉลี่ยแค่ร้อยละ 61 ทำให้ปีนี้สามารถช่วยเหลือเกษตรในพื้นที่ชลประทานที่ใช้น้ำจากเขื่อนภูมิพลได้มากขึ้น
