นายชาญชัย วิทูรปัญญากิจ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (สนน.) กล่าวภายหลัง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เตือนว่าในสัปดาห์หน้าเขื่อนเจ้าพระยาจะปล่อยน้ำออกมา จึงขอให้ กทม.ให้ระมัดระวังน้ำท่วม ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่การที่เขื่อนเจ้าพระยาจะปล่อยน้ำมาในช่วงหน้าฝนก็ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือด้านการเกษตร เพื่อทำการประปา ปีนี้น้ำเหนือไม่มาก ดังนั้นภาพรวมของสถานการณ์น้ำที่มาจากทางเหนือไม่น่าเป็นห่วง ที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องของน้ำฝน ซึ่งในปีนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาแต่ละครั้งนั้นมีปริมาณมาก จึงมีปัญหาหากฝนตกลงมาตั้งแต่ 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป น้ำจะท่วมขังทันที แต่ได้เตรียมแก้ไขปัญหาด้วยการเตรียมหน่วยเบสต์ (Best) ไว้คอยแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง มั่นใจว่า ปีนี้ กทม.สามารถรับมือปัญหาน้ำได้เป็นอย่างดี
ด้านนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก สนน.ว่าได้เตรียมกระสอบทรายไว้ 4 ล้านใบ เพื่อเตรียมรับมือปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ใน 15 จุดที่มักเจอปัญหาน้ำท่วม อาทิ ถนนจันทร์ ถนนศรีอยุธยา ถนนสุขุมวิท 39 และ 49 ถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก หน้าห้างฯโรบินสัน ถนนรัชดาฯ บริเวณแยกลาดพร้าว เป็นต้น ขณะนี้ ปริมาณน้ำฝนสะสมของ กทม. มี 1,600 มิลลิเมตรแล้ว และรวมตลอดทั้งปีนี้ คาดว่า จะมีปริมาณฝนสะสมมาถึง 1,800 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งสาเหตุที่ปริมาณฝนสะสมมากขึ้น เนื่องจากฝนที่ตกลงมาแม้จะมีจำนวนวันน้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปริมาณที่ตกลงมานั้น ค่อนข้างหนัก จากเดิมฝนตกในพื้นที่ 60-80 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง แต่ขณะนี้ฝนตกแต่ละครั้งมีปริมาณมากถึง 100-130 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง จึงอาจทำให้บางจุดระบายน้ำได้ช้า แต่ สนน.ได้เตรียมพร่องน้ำในคลองเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนไว้แล้ว คาดว่า จะสามารถรับมือได้
นอกจากนี้ หน่วยเบสต์ และ สนน.เตรียมพร้อมเฝ้าระวังในช่วงหน้าน้ำทะเลหนุนเดือนตุลาคมนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หากระดับน้ำหนุนไม่ถึง 2 เมตร ไม่น่าเป็นห่วง พร้อมกันนี้ พื้นที่แก้มลิงของ กทม. ที่สามารถรับได้ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นฝั่งตะวันตก 6 ล้านลูกบาศก์เมตร และฝั่งตะวันออกอีก 6 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้น ขณะนี้ยังรับน้ำได้อีกร้อยละ 50 ของพื้นที่แก้มลิงทั้งหมด
ด้านนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก สนน.ว่าได้เตรียมกระสอบทรายไว้ 4 ล้านใบ เพื่อเตรียมรับมือปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ใน 15 จุดที่มักเจอปัญหาน้ำท่วม อาทิ ถนนจันทร์ ถนนศรีอยุธยา ถนนสุขุมวิท 39 และ 49 ถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก หน้าห้างฯโรบินสัน ถนนรัชดาฯ บริเวณแยกลาดพร้าว เป็นต้น ขณะนี้ ปริมาณน้ำฝนสะสมของ กทม. มี 1,600 มิลลิเมตรแล้ว และรวมตลอดทั้งปีนี้ คาดว่า จะมีปริมาณฝนสะสมมาถึง 1,800 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งสาเหตุที่ปริมาณฝนสะสมมากขึ้น เนื่องจากฝนที่ตกลงมาแม้จะมีจำนวนวันน้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปริมาณที่ตกลงมานั้น ค่อนข้างหนัก จากเดิมฝนตกในพื้นที่ 60-80 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง แต่ขณะนี้ฝนตกแต่ละครั้งมีปริมาณมากถึง 100-130 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง จึงอาจทำให้บางจุดระบายน้ำได้ช้า แต่ สนน.ได้เตรียมพร่องน้ำในคลองเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนไว้แล้ว คาดว่า จะสามารถรับมือได้
นอกจากนี้ หน่วยเบสต์ และ สนน.เตรียมพร้อมเฝ้าระวังในช่วงหน้าน้ำทะเลหนุนเดือนตุลาคมนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หากระดับน้ำหนุนไม่ถึง 2 เมตร ไม่น่าเป็นห่วง พร้อมกันนี้ พื้นที่แก้มลิงของ กทม. ที่สามารถรับได้ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นฝั่งตะวันตก 6 ล้านลูกบาศก์เมตร และฝั่งตะวันออกอีก 6 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้น ขณะนี้ยังรับน้ำได้อีกร้อยละ 50 ของพื้นที่แก้มลิงทั้งหมด
