นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ราคาบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมในปีหน้า มีโอกาสที่จะปรับขึ้นประมาณ ร้อยละ 6 - 7 หรือประมาณ 50,000 -60,000 บาทต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาปูนซิเมนต์และราคาเหล็กเส้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญปรับขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น บ้านที่สร้างเสร็จในปีหน้าจะทำให้มีราคาสูงขึ้น ประกอบกับมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองของรัฐบาล จะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 8 มีนาคม 2553 ทำให้ผู้ซื้อต้องรับภาระค่าธรรมเนียมดังกล่าวสูงขึ้น ดังนั้นปีนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะต้องรีบตัดสินใจซื้อบ้าน เพราะยังเป็นราคาบ้านราคาเดิม และยังได้สิทธิพิเศษจากมาตรการของรัฐบาล
นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ยังกล่าวด้วยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดคอนโดมิเนียมจดทะเบียนใหม่ ประมาณ 80,000 ยูนิต ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยราคาคอนโดมิเนียม 1 ล้านบาทเศษ จะยังสามารถขายได้ดี และเชื่อว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะไม่เกิดปัญหาคอนโดมิเนียมล้นตลาด สำหรับในช่วงปลายปีนี้ จะต้องจับตาดูตลาดอสังหาริมทรัพย์จะคึกคักขึ้น เพราะจะมีการโอนที่อยู่อาศัย เพื่อรับสิทธิ์พิเศษจากมาตรการของรัฐให้ทันภายในปีนี้
นายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ต้นปี 2553 ราคาวัสดุก่อสร้างทั้งคอนกรีตและเหล็กจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ตามราคาน้ำมัน ทำให้ราคารับสร้างบ้านคงขยับขึ้นตามไปด้วย สำหรับมูลค่าธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้ ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือ ประมาณ 10,000 ล้านบาท และพบว่า ลูกค้ามีการสร้างบ้านในราคาที่สูงขึ้น จากเดิมไม่เกิน 5 ล้าน เป็น 5-20 ล้านบาท และมีการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์มาก่อสร้างบ้าน เนื่องจากดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ยังกล่าวด้วยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดคอนโดมิเนียมจดทะเบียนใหม่ ประมาณ 80,000 ยูนิต ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยราคาคอนโดมิเนียม 1 ล้านบาทเศษ จะยังสามารถขายได้ดี และเชื่อว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะไม่เกิดปัญหาคอนโดมิเนียมล้นตลาด สำหรับในช่วงปลายปีนี้ จะต้องจับตาดูตลาดอสังหาริมทรัพย์จะคึกคักขึ้น เพราะจะมีการโอนที่อยู่อาศัย เพื่อรับสิทธิ์พิเศษจากมาตรการของรัฐให้ทันภายในปีนี้
นายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ต้นปี 2553 ราคาวัสดุก่อสร้างทั้งคอนกรีตและเหล็กจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ตามราคาน้ำมัน ทำให้ราคารับสร้างบ้านคงขยับขึ้นตามไปด้วย สำหรับมูลค่าธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้ ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือ ประมาณ 10,000 ล้านบาท และพบว่า ลูกค้ามีการสร้างบ้านในราคาที่สูงขึ้น จากเดิมไม่เกิน 5 ล้าน เป็น 5-20 ล้านบาท และมีการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์มาก่อสร้างบ้าน เนื่องจากดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ