นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดงาน"รวมพลคนแฟชั่น"เพื่อจำหน่ายสินค้ารองเท้า เครื่องหนังและสินค้าแฟชั่น ซึ่งเป็นยี่ห้อของคนไทยจากผู้ผลิตกว่า 40 ราย เพื่อส่งเสริมให้สินค้าไทยที่มียี่ห้อของตัวเองเป็นที่รู้จักของตลาดมากขึ้น
นายปราโมทย์ กล่าวถึงอุตสาหกรรมรองเท้าของไทย ว่า จากต้นปี ประเมินว่าอุตสาหกรรมรองเท้าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยตลาดส่งออกปีนี้จะหดตัวร้อยละ 30 แต่ล่าสุด ประมาณการว่าจะติดลบร้อยละ 10 โดยมียอดส่งออกประมาณ 800-900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้อุตสาหกรรมรองเท้าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และการจ้างผลิตของรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง เริ่มย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น แต่ผู้ผลิตของไทยได้ปรับตัวใช้วิกฤตเป็นโอกาส โดยผลิตสินค้ายี่ห้อของตัวเองส่งออกทดแทน และนำแรงงานที่เคยผลิตรองเท้ากีฬามาผลิตรองเท้าหนังที่ตลาดในประเทศเติบโตต่อเนื่อง โดยตลาดรองเท้าในประเทศสวนกระแสขยายตัวดีขึ้น จากที่ช่วงก่อนหน้านี้หวั่นเกรงว่ารองเท้าจากจีนจะเข้ามาตีตลาด แต่สถานการณ์จริงปรากฏว่าสินค้าของไทยในคุณภาพระดับกลางขายได้มากกว่า ขณะที่สินค้าคุณภาพต่ำ ขายได้ไม่ดี อีกทั้งรองเท้าของไทยยังส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า มาเลเซีย ซึ่งผลจากการที่อุตสาหกรรมรองเท้ามียอดขายยี่ห้อตัวเองมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมรองเท้าขาดแคลนแรงงานมากกว่า 4,000 คน ส่วนโครงการต้นกล้าอาชีพ ได้ฝึกอบรมช่างรองเท้ารุ่นแรกไปแล้ว 300 คน แต่ยังไม่เพียงพอ จะมีการฝึกอบรมแรงงานเพิ่มขึ้น
นายสกล ศิกษมัต นายกสมาคมรองเท้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้รองเท้ากีฬาแบรนด์ต่างประเทศ มีนโยบายย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย เช่น ไนกี้ อย่างไรก็ตาม มีรองเท้าแบรนด์ต่างประเทศเกือบ 20 แบรนด์ ทยอยจ้างผู้ผลิตรองเท้าของไทยแทน แต่คำสั่งซื้อของต่างชาติเปลี่ยนแปลงไปจากครั้งละ 6 เดือน เหลือครั้งละ 2 เดือน ซึ่งโดยภาพรวมผู้ผลิตรองเท้าบางโรงงานปรับตัวไม่ทัน และต้องปิดกิจการไป แต่บางโรงงานก็สามารถปรับตัวได้ สำหรับรองเท้ากีฬา ความต้องการในตลาดโลกลดลงประมาณร้อยละ 30 ส่วนคำสั่งผลิตก็ลดลงประมาณร้อยละ 20-25 ตามยอดการย้ายฐานผลิต ขณะที่รองเท้าหนังของไทย ขณะนี้มีปัญหาขาดแคลนนักออกแบบ และแรงงานมีฝีมือประมาณ 4,000 คน ซึ่งปัจจุบันรองเท้าของไทยได้ปรับระดับมาตรฐาน คุณภาพไปอยู่ในกลุ่มระดับกลางและสูง โดยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นายปราโมทย์ กล่าวถึงอุตสาหกรรมรองเท้าของไทย ว่า จากต้นปี ประเมินว่าอุตสาหกรรมรองเท้าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยตลาดส่งออกปีนี้จะหดตัวร้อยละ 30 แต่ล่าสุด ประมาณการว่าจะติดลบร้อยละ 10 โดยมียอดส่งออกประมาณ 800-900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้อุตสาหกรรมรองเท้าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และการจ้างผลิตของรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง เริ่มย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น แต่ผู้ผลิตของไทยได้ปรับตัวใช้วิกฤตเป็นโอกาส โดยผลิตสินค้ายี่ห้อของตัวเองส่งออกทดแทน และนำแรงงานที่เคยผลิตรองเท้ากีฬามาผลิตรองเท้าหนังที่ตลาดในประเทศเติบโตต่อเนื่อง โดยตลาดรองเท้าในประเทศสวนกระแสขยายตัวดีขึ้น จากที่ช่วงก่อนหน้านี้หวั่นเกรงว่ารองเท้าจากจีนจะเข้ามาตีตลาด แต่สถานการณ์จริงปรากฏว่าสินค้าของไทยในคุณภาพระดับกลางขายได้มากกว่า ขณะที่สินค้าคุณภาพต่ำ ขายได้ไม่ดี อีกทั้งรองเท้าของไทยยังส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า มาเลเซีย ซึ่งผลจากการที่อุตสาหกรรมรองเท้ามียอดขายยี่ห้อตัวเองมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมรองเท้าขาดแคลนแรงงานมากกว่า 4,000 คน ส่วนโครงการต้นกล้าอาชีพ ได้ฝึกอบรมช่างรองเท้ารุ่นแรกไปแล้ว 300 คน แต่ยังไม่เพียงพอ จะมีการฝึกอบรมแรงงานเพิ่มขึ้น
นายสกล ศิกษมัต นายกสมาคมรองเท้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้รองเท้ากีฬาแบรนด์ต่างประเทศ มีนโยบายย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย เช่น ไนกี้ อย่างไรก็ตาม มีรองเท้าแบรนด์ต่างประเทศเกือบ 20 แบรนด์ ทยอยจ้างผู้ผลิตรองเท้าของไทยแทน แต่คำสั่งซื้อของต่างชาติเปลี่ยนแปลงไปจากครั้งละ 6 เดือน เหลือครั้งละ 2 เดือน ซึ่งโดยภาพรวมผู้ผลิตรองเท้าบางโรงงานปรับตัวไม่ทัน และต้องปิดกิจการไป แต่บางโรงงานก็สามารถปรับตัวได้ สำหรับรองเท้ากีฬา ความต้องการในตลาดโลกลดลงประมาณร้อยละ 30 ส่วนคำสั่งผลิตก็ลดลงประมาณร้อยละ 20-25 ตามยอดการย้ายฐานผลิต ขณะที่รองเท้าหนังของไทย ขณะนี้มีปัญหาขาดแคลนนักออกแบบ และแรงงานมีฝีมือประมาณ 4,000 คน ซึ่งปัจจุบันรองเท้าของไทยได้ปรับระดับมาตรฐาน คุณภาพไปอยู่ในกลุ่มระดับกลางและสูง โดยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
