พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยสาเหตุที่ไม่พบการถือครองที่นาของชาวต่างชาติ หลังจากลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 6 - 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ใน 12 จังหวัด ทั้งพื้นที่ จ.อยุธยา สุพรรณบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม นครนายก ปราจีนบุรี พิษณุโลก และพิจิตร เพราะตรวจสอบจากการประสานหน่วยงานราชการ ได้แก่ กรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมทั้งตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล และสายข่าวในพื้นที่ แต่ยังรอตรวจสอบพื้นที่นาข้าวในภาคเหนือตอนล่าง และภาคอีสานอีก 3 - 4 จังหวัด ว่ามีการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติหรือไม่
ขณะที่นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี คาดว่ายังมีการถือครองที่นาของชาวต่างชาติ แต่การที่ดีเอสไอตรวจสอบไม่พบอาจจะมาจากการที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตรวจสอบในหลายพื้นที่ และอาจมีข้อมูลที่ดีเอสไอไม่กล้านำมาเปิดเผยเพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนทางการเมืองได้
ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี เปิดเผยว่า ปัจจุบันที่นาส่วนใหญ่ตกเป็นของนายทุนรายใหญ่ มีเกษตรกรเพียงร้อยละ 20 - 30 เท่านั้นที่เป็นเจ้าของที่นารายย่อย รวมทั้งมีความพยายามจากนายทุนต่างชาติจะเข้ามาร่วมทันกับนายทุนชาวไทยเพื่อทำธุรกิจด้านการเลี้ยงสัตว์ และเกษตรกรรม ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร และเกษตรของไทยในระยะยาว
ขณะที่นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี คาดว่ายังมีการถือครองที่นาของชาวต่างชาติ แต่การที่ดีเอสไอตรวจสอบไม่พบอาจจะมาจากการที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตรวจสอบในหลายพื้นที่ และอาจมีข้อมูลที่ดีเอสไอไม่กล้านำมาเปิดเผยเพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนทางการเมืองได้
ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี เปิดเผยว่า ปัจจุบันที่นาส่วนใหญ่ตกเป็นของนายทุนรายใหญ่ มีเกษตรกรเพียงร้อยละ 20 - 30 เท่านั้นที่เป็นเจ้าของที่นารายย่อย รวมทั้งมีความพยายามจากนายทุนต่างชาติจะเข้ามาร่วมทันกับนายทุนชาวไทยเพื่อทำธุรกิจด้านการเลี้ยงสัตว์ และเกษตรกรรม ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร และเกษตรของไทยในระยะยาว