ประธานคณะที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของผู้นำสหรัฐฯ ออกโรงเตือน ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อาจทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตมากถึง 90,000 ราย และติดเชื้ออีกครึ่งประเทศในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนี้ ขณะที่ผู้ติดเชื้ออีกประมาณ 300,000 คนอาจมีอาการหนักถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู
ศาสตราจารย์แฮโรลด์ เอลเลียต วาร์มุสประธานร่วมของสภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (24) โดยเตือนว่า หากเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ขึ้นในสหรัฐฯ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวปีนี้ ก็อาจทำให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตเป็นจำนวนระหว่าง 30,000 - 90,000 ราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและคนในวัยหนุ่มสาว ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลทั่วไปที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณปีละ 30,000-40,000 คน และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี ขึ้นไป
ขณะเดียวกัน ศาสตราจารย์วาร์มุส วัย 69 ปี ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เมื่อปี 1989 ระบุว่า การระบาดของไวรัสชนิดนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวยังอาจทำให้ชาวอเมริกันร้อยละ 30-50 ติดเชื้อ และจะมีผู้ป่วยที่แสดงอาการประมาณร้อยละ 20-40 ซึ่งในจำนวนนี้จะมีผู้ป่วยถึงครึ่งหนึ่งหรือ 300,000 คนที่อาการหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในหน่วยรักษาผู้ป่วยอาการหนัก (ไอซียู)
ศาสตราจารย์วาร์มุสยังเตือนว่า บุคคลที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง "เป็นพิเศษ" ในลำดับต้นๆ ต่อการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้แก่ สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง คนที่มีน้ำหนักตัวมาก ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและระบบประสาท นอกจากนั้นยังรวมถึงชาวอเมริกันพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลต่างๆ อีกกว่า 2.1 ล้านคนทั่วประเทศด้วย
ศาสตราจารย์แฮโรลด์ เอลเลียต วาร์มุสประธานร่วมของสภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (24) โดยเตือนว่า หากเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ขึ้นในสหรัฐฯ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวปีนี้ ก็อาจทำให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตเป็นจำนวนระหว่าง 30,000 - 90,000 ราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและคนในวัยหนุ่มสาว ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลทั่วไปที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณปีละ 30,000-40,000 คน และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี ขึ้นไป
ขณะเดียวกัน ศาสตราจารย์วาร์มุส วัย 69 ปี ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เมื่อปี 1989 ระบุว่า การระบาดของไวรัสชนิดนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวยังอาจทำให้ชาวอเมริกันร้อยละ 30-50 ติดเชื้อ และจะมีผู้ป่วยที่แสดงอาการประมาณร้อยละ 20-40 ซึ่งในจำนวนนี้จะมีผู้ป่วยถึงครึ่งหนึ่งหรือ 300,000 คนที่อาการหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในหน่วยรักษาผู้ป่วยอาการหนัก (ไอซียู)
ศาสตราจารย์วาร์มุสยังเตือนว่า บุคคลที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง "เป็นพิเศษ" ในลำดับต้นๆ ต่อการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้แก่ สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง คนที่มีน้ำหนักตัวมาก ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและระบบประสาท นอกจากนั้นยังรวมถึงชาวอเมริกันพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลต่างๆ อีกกว่า 2.1 ล้านคนทั่วประเทศด้วย
