เอเอฟพี/เอเจนซี - ประชากรสหรัฐฯราวครึ่งหนึ่ง หรือ 160 ล้านคน ควรที่จะได้รับวัคซีนต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นกลุ่มแรกๆ แต่ปัญหา ก็คือ ปริมาณวัคซีนที่พร้อมใช้ในเดือนตุลาคมนี้จะมีไม่เพียงพอ ทั้งนี้ เป็นผลการประชุมหารือของบรรดาที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯเมื่อวันพุธ (29) ส่วนทางด้านซาอุดีอาระเบียก็ประกาศเพิ่มมาตรการตรวจสอบผู้ที่อาจติดเชื้อ ในช่วงที่ชาวมุสลิมหลายล้านจะเดินทางมาประกอบพิธีฮัจญ์ แม้ยอมรับว่าคงไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่เชื้อไวรัสนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ที่นครแอตแลนตา คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านนโยบายภูมิคุ้มกันโรค ของศูนย์เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ได้ประชุมฉุกเฉินกันตลอดทั้งวันพุธ และตกลงเสนอแนะกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่มแรกๆ ที่ควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสเอ (เอช1เอ็น1) หรือมีแนวโน้มจะมีอาการหนักหากติดเชื้อดังกล่าว
แอนน์ ชูแชต เจ้าหน้าที่ซีดีซี แถลงว่า กลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่มเหล่านี้ ได้แก่ “สตรีมีครรภ์, ผู้อยู่ในบ้านที่มีการสัมผัสกับเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน, เจ้าหน้าที่ด้านการรักษาพยาบาล และบุคลากรผู้ให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน, เด็กและผู้ใหญ่ในช่วงอายุ 6 เดือน ถึง 24 ปี และผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ผู้สูงวัย แต่มีภาวะเจ็บป่วยอยู่แล้วที่อาจมีอาการรุนแรงหากติดเชื้อไวรัสดังกล่าว” ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วมีจำนวนประมาณ 160 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ซีดีซี บอกอีกว่า ภายในเดือนตุลาคมจะได้รับวัคซีนสำหรับแจกจ่ายได้เพียง 120 ล้านชุดเท่านั้น รวมทั้งมีเป็นไปได้ว่าแต่ละคนอาจต้องได้รับวัคซีนซ้ำสองรอบ กระนั้นก็ตาม การที่มีวัคซีนไม่เพียงพอนั้น ยังไม่น่าจะเป็นปัญหาร้ายแรงนัก เพราะ “เมื่อพิจารณาจากกรณีของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งเราเสนอให้จ่ายวัคซีนกับประชากร 80 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ แต่ก็มีประชากรราว 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนจริงๆ” ชูแชต บอก
กระนั้นก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาของซีดีซีชุดนี้ ก็ได้ตกลงกันกำหนดกลุ่มเป้าหมายขนาดเล็กลงมา โดยมีจำนวนเหลือราว 41 ล้านคน ที่ควรเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนในกรณีที่ซัปพลายของวัคซีนมีจำกัด
แต่ในกลุ่มเป้าหมายเล็กลงมานี้ ยังคงประกอบด้วย สตรีมีครรภ์และผู้อยู่ในบ้านที่สัมผัสกับทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน ขณะที่บุคลากรด้านการรักษาพยาบาลจะมีการแบ่งให้เหลือเป็นกลุ่มย่อยลง นอกนั้นก็เป็นเด็กวัย 6 เดือนถึง 4 ปี และกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่อายุ 5-18 ปีที่มีภาวะเสี่ยง
ซีดีซีเสนอแนะให้วัคซีนแก่สตรีมีครรภ์เป็นกลุ่มแรกๆ เนื่องจากพวกเธอมีแนวโน้มอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้หากติดเชื้อไวรัสนี้ ส่วนกรณีผู้ที่สัมผัสกับทารกวัยต่ำกว่า 6 เดือนนั้น เป็นเพราะทารกเหล่านี้ยังรับวัคซีนเองไม่ได้
สำหรับผู้สูงอายุไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายในครั้งนี้ เพราะไวรัสเอ (เอช1เอ็น1) มักโจมตีคนอายุน้อย ซึ่งผิดกับไข้หวัดตามฤดูกาลที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มักเป็นคนสูงวัย
อนึ่ง รองผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุขซาอุดีอาระเบีย ไซอิด เมมิช และผู้จัดการด้านสาธารณสุขของท่าอากาศยานเจดดาห์ โมฮาเหม็ด อัลฮาร์ธี แถลงว่า ในช่วงเวลาประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งจะมีชาวมุสลิมจากต่างประเทศเดินทางมาราว 2 ล้านคน ส่วนใหญ่จะมาทางอากาศโดยลงเครื่องบินที่เจดดาห์ ทางกระทรวงจึงจะติดตั้งกล้องตรวจจับอุณหภูมิที่นั่น 20 เครื่อง และเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่การแพทย์ให้มากกว่าปีที่แล้ว 20% เป็น 550 คน โดยมีทั้งแพทย์, พยาบาล, เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ และเภสัชกร
แต่เมมิชยอมรับว่า กล้องตรวจจับอุณหภูมิใช้ไม่ได้ผลเต็ม 100% โดยมีคนไข้ที่อยู่ในช่วงฟักตัวราว 30-40% ซึ่งจะตรวจจับไม่ได้