นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การจัดงาน "โอท็อป ช้อปช่วยชาติ OTOP Midyear 2009" ระหว่างวันที่ 22-30 สิงหาคม 52 ณ อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ได้มีชาวบ้านสำสินค้าชุมชนระดับ 3-5 ดาว และสินค้าภูมิปัญญาชาวบ้านมาร่วมออกงานกว่า 2,000 บูธ โดยมีสินค้ากว่าหมื่นรายการมาร่วมจำหน่ายในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ คาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมงาน 70,000 -80,000 คนต่อวัน ตลอดทั้งจัดงานคาดว่าจะมีเงินสะพัดในการซื้อสินค้ามากว่า 500ล้านบาท
นอกจากนี้ ทางกรมการพัฒนาชุมชนยังพร้อมสนับสนุนการนำสินค้าโอท็อปส่งออกไปยังต่างประเทศ เพราะยังมีต่างชาติให้ความสนใจซื้อสินค้าโอท็อปของไทย เนื่องจากมีเอกลักษณ์และมีคุณภาพ แต่ยอมรับว่าการผลิตสินค้าคุณภาพมักมีปัญหาผลิตไม่ทันความต้องการของตลาดต่างชาติเพราะต้องใช้เวลาและฝีมือในการผลิต ทำให้สินค้าบางรายการอาจผลิตไม่ทัน แต่คาดว่ายังสามารถผลักดันโอท็อปเพื่อการส่งออกได้มากว่า 500 ล้านบาท เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐได้เข้ามาให้การรับรองมาตรฐานสินค้า ทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันการเงินของรัฐมาร่วมงานด้วยเพื่อเป็นส่วนช่วยเหลือด้านเงินทุนให้กับผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) กล่าวว่า ในการงานดังกล่าวได้มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาร่วมงานมากว่า 2,000 ราย ดังนั้น ธกส. จึงได้นำโครงการสินเชื่อด้านต่างๆ มาเปิดให้ผู้ประกอบการ หรือวิสาหกิจชุมชนได้มาขอสินเชื่อ เช่น สินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยว สินเชื่อ108 อาชีพ สินเชื่อพลังงานทดแทน โดยเฉพาะเมื่อได้เปิดโครงการสินเชื่อฟาสแทร็ก ร่วมกับธนาคารของรัฐแล้วจะมีอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนช่วยเหลือรายย่อยมากได้ขึ้น
นอกจากนี้ ทางกรมการพัฒนาชุมชนยังพร้อมสนับสนุนการนำสินค้าโอท็อปส่งออกไปยังต่างประเทศ เพราะยังมีต่างชาติให้ความสนใจซื้อสินค้าโอท็อปของไทย เนื่องจากมีเอกลักษณ์และมีคุณภาพ แต่ยอมรับว่าการผลิตสินค้าคุณภาพมักมีปัญหาผลิตไม่ทันความต้องการของตลาดต่างชาติเพราะต้องใช้เวลาและฝีมือในการผลิต ทำให้สินค้าบางรายการอาจผลิตไม่ทัน แต่คาดว่ายังสามารถผลักดันโอท็อปเพื่อการส่งออกได้มากว่า 500 ล้านบาท เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐได้เข้ามาให้การรับรองมาตรฐานสินค้า ทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันการเงินของรัฐมาร่วมงานด้วยเพื่อเป็นส่วนช่วยเหลือด้านเงินทุนให้กับผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) กล่าวว่า ในการงานดังกล่าวได้มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาร่วมงานมากว่า 2,000 ราย ดังนั้น ธกส. จึงได้นำโครงการสินเชื่อด้านต่างๆ มาเปิดให้ผู้ประกอบการ หรือวิสาหกิจชุมชนได้มาขอสินเชื่อ เช่น สินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยว สินเชื่อ108 อาชีพ สินเชื่อพลังงานทดแทน โดยเฉพาะเมื่อได้เปิดโครงการสินเชื่อฟาสแทร็ก ร่วมกับธนาคารของรัฐแล้วจะมีอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนช่วยเหลือรายย่อยมากได้ขึ้น
