นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับโครงการลงทุนไทยเข้มแข็งล็อตแรก 200,000 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในปี 2553
นายกรณ์ กล่าวว่า เงินลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งล็อตแรกจะกระจายไปตามกระทรวงต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตรและ ใช้พัฒนาระบบชลประทาน กระทรวงสาธารณสุข ใช้พัฒนาสถานีอนามัย โรงพยาบาล รวมถึงด้านการศึกษา และเพิ่มทุนให้สถาบันการเงินของรัฐ เพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการส่วนต่างๆ กระทรวงคมนาคมใช้ในการพัฒนาปรับปรุงถนน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเปิดโครงการดังกล่าวในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ และเพื่อให้ส่วนราชการที่มีความพร้อมจัดซื้อจัดจ้างและเริ่มลงทุนได้ ให้เงินของภาครัฐออกสู่ระบบโดยเร็ว สร้างความโปร่งใสและสามารถติดตามการลงทุน การตรวจสอบราคากลาง รัฐบาลจะเปิดเว็บไซต์โครงการลงทุนไทยเข้มแข็งให้สามารถเข้าไปตรวจสอบและติดตามผลว่าเงินลงทุนจะลงผ่านโครงการใดบ้าง และประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบเกี่ยวกับแนวทางการใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท จากเดิมที่กำหนดให้นำเงินกู้ 200,000 ล้านบาท ส่งเข้าคลังเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ แต่ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น รายได้ของรัฐบาลน่าจะสูงกว่าที่เคยประมาณการไว้ จึงให้นำเงินที่เหลือจากการชดเชยขาดดุลประมาณ 100,000 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการลงทุน ทำให้ยอดเงินลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งเพิ่มเป็น 300,000 ล้านบาท โดยวงเงินที่เพิ่มอีก 100,000 ล้านบาท จะพิจารณาโครงการจากส่วนราชการที่เสนอแผนลงทุนมาให้รัฐบาลพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว
นายกรณ์ กล่าวว่า เงินลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งล็อตแรกจะกระจายไปตามกระทรวงต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตรและ ใช้พัฒนาระบบชลประทาน กระทรวงสาธารณสุข ใช้พัฒนาสถานีอนามัย โรงพยาบาล รวมถึงด้านการศึกษา และเพิ่มทุนให้สถาบันการเงินของรัฐ เพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการส่วนต่างๆ กระทรวงคมนาคมใช้ในการพัฒนาปรับปรุงถนน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเปิดโครงการดังกล่าวในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ และเพื่อให้ส่วนราชการที่มีความพร้อมจัดซื้อจัดจ้างและเริ่มลงทุนได้ ให้เงินของภาครัฐออกสู่ระบบโดยเร็ว สร้างความโปร่งใสและสามารถติดตามการลงทุน การตรวจสอบราคากลาง รัฐบาลจะเปิดเว็บไซต์โครงการลงทุนไทยเข้มแข็งให้สามารถเข้าไปตรวจสอบและติดตามผลว่าเงินลงทุนจะลงผ่านโครงการใดบ้าง และประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบเกี่ยวกับแนวทางการใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท จากเดิมที่กำหนดให้นำเงินกู้ 200,000 ล้านบาท ส่งเข้าคลังเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ แต่ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น รายได้ของรัฐบาลน่าจะสูงกว่าที่เคยประมาณการไว้ จึงให้นำเงินที่เหลือจากการชดเชยขาดดุลประมาณ 100,000 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการลงทุน ทำให้ยอดเงินลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งเพิ่มเป็น 300,000 ล้านบาท โดยวงเงินที่เพิ่มอีก 100,000 ล้านบาท จะพิจารณาโครงการจากส่วนราชการที่เสนอแผนลงทุนมาให้รัฐบาลพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว
