นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเปิดงาน "ชุมชนวิทยาศาสตร์ ตลาดนัดวิชา พัฒนาสังคม" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือท้องฟ้าจำลอง ภาคเอกชน ชุมชน และโรงเรียนในเขตคลองเตยและเขตวัฒนา โดยมีการเปิดบูธแสดงผลงาน โครงงาน สิ่งประดิษฐ์ เพื่อแลกเปลี่ยนให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์แก่นักเรียนและบุคคลทั่วไป ระหว่างวันที่ 18-24 สิงหาคม 2552 ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. ที่ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ หน้าโรงเรียนปทุมคงคา และภายใน สสวท.
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ ศธ.ให้ความสำคัญกับวิชาวิทยาศาสตร์เพราะเป็น 1 ใน 5 วิชาที่ต้องพัฒนาเป็นพิเศษ เนื่องจากผลการเรียนของเด็กไทยส่วนใหญ่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยจะเพิ่มการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น นอกเหนือไปจากที่ สสวท.ดำเนินการ เช่น การใช้โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เป็นหน่วยหลักและแม่ข่ายด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ประสานกับโรงเรียนจุฬาภรณ์ 12 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทั้งให้โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับมหาวิทยาลัย เปิดห้องเรียนวิทยาศาสตร์อัจฉริยะทวิภาคี 100 ห้อง ร่วมกับห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แล้ว 96 ห้อง เริ่มตั้งแต่ปีนี้ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าปัญหาคือช่องว่างระหว่างเด็กไทยที่เรียนเก่งมากๆ กับเด็กที่เรียนต่ำและปานกลางยังห่างกันอยู่
ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจหลายชิ้น อาทิ ต้นแบบตู้น้ำเย็นไม่ใช้ไฟฟ้าของโรงเรียนวัดธาตุทอง ซึ่งอยู่ระหว่างจัดสร้างเพื่อใช้จริงภายในโรงเรียน โดยจะสร้างตู้บุผนังโฟมเก็บความเย็น ภายในมีถังน้ำดื่ม และมีช่องรองรับน้ำแข็งที่นักเรียนมักจะเหลือทิ้งเข้าไปช่วยทำความเย็นให้น้ำเย็นอยู่ตลอดเวลา และน้ำจากน้ำแข็งละลายจะนำไปใช้รดน้ำต้นไม้ ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ ศธ.ให้ความสำคัญกับวิชาวิทยาศาสตร์เพราะเป็น 1 ใน 5 วิชาที่ต้องพัฒนาเป็นพิเศษ เนื่องจากผลการเรียนของเด็กไทยส่วนใหญ่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยจะเพิ่มการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น นอกเหนือไปจากที่ สสวท.ดำเนินการ เช่น การใช้โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เป็นหน่วยหลักและแม่ข่ายด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ประสานกับโรงเรียนจุฬาภรณ์ 12 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทั้งให้โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับมหาวิทยาลัย เปิดห้องเรียนวิทยาศาสตร์อัจฉริยะทวิภาคี 100 ห้อง ร่วมกับห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แล้ว 96 ห้อง เริ่มตั้งแต่ปีนี้ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าปัญหาคือช่องว่างระหว่างเด็กไทยที่เรียนเก่งมากๆ กับเด็กที่เรียนต่ำและปานกลางยังห่างกันอยู่
ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจหลายชิ้น อาทิ ต้นแบบตู้น้ำเย็นไม่ใช้ไฟฟ้าของโรงเรียนวัดธาตุทอง ซึ่งอยู่ระหว่างจัดสร้างเพื่อใช้จริงภายในโรงเรียน โดยจะสร้างตู้บุผนังโฟมเก็บความเย็น ภายในมีถังน้ำดื่ม และมีช่องรองรับน้ำแข็งที่นักเรียนมักจะเหลือทิ้งเข้าไปช่วยทำความเย็นให้น้ำเย็นอยู่ตลอดเวลา และน้ำจากน้ำแข็งละลายจะนำไปใช้รดน้ำต้นไม้ ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า