ผู้เข้าร่วมเสวนา "ประเทศไทยจะได้อะไรจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ประกอบด้วย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 และ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล นักวิชาการอิสระ มองต่างมุมกันถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่เห็นตรงกันว่า ผลของการบังคับใช้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุความวุ่นวายในบ้านเมือง
นายเสรี ยอมรับว่า รัฐธรรมนูญในบางมาตราสามารถแก้ไขได้ แต่ย้ำว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะแก้ไข เนื่องจากยังไม่เป็นปัญหาที่แท้จริง เพราะเชื่อว่าปัญหาหลักเกิดจากตัวนักการเมือง พร้อมเสนอให้ออกกฎหมายเลื่อนคดีทางการเมืองออกไปก่อน เพื่อลดความขัดแย้งทางสังคมแทน
ขณะที่นายพงศ์เทพ ยืนยันว่า จำเป็นต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะบทบัญญัติหลายมาตราไม่สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตย และส่งผลให้รัฐบาลเกิดสภาพไม่มั่นคงตลอดเวลา โดยหยิบยกประเด็นปัญหาการถือครองหุ้นของ ส.ส.และ ส.ว. ที่กำลังจะส่งผลถึงเสถียรภาพของรัฐบาล
ทางด้าน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ อาทิ บทบัญญัติว่าด้วยนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งกลายเป็นตัวกำหนดนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานแห่งรัฐ ที่ห้ามนักบวชใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ถือเป็นการจำกัดสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย จึงสนับสนุนให้มีการแก้ไขในทันที
นายเสรี ยอมรับว่า รัฐธรรมนูญในบางมาตราสามารถแก้ไขได้ แต่ย้ำว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะแก้ไข เนื่องจากยังไม่เป็นปัญหาที่แท้จริง เพราะเชื่อว่าปัญหาหลักเกิดจากตัวนักการเมือง พร้อมเสนอให้ออกกฎหมายเลื่อนคดีทางการเมืองออกไปก่อน เพื่อลดความขัดแย้งทางสังคมแทน
ขณะที่นายพงศ์เทพ ยืนยันว่า จำเป็นต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะบทบัญญัติหลายมาตราไม่สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตย และส่งผลให้รัฐบาลเกิดสภาพไม่มั่นคงตลอดเวลา โดยหยิบยกประเด็นปัญหาการถือครองหุ้นของ ส.ส.และ ส.ว. ที่กำลังจะส่งผลถึงเสถียรภาพของรัฐบาล
ทางด้าน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ อาทิ บทบัญญัติว่าด้วยนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งกลายเป็นตัวกำหนดนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานแห่งรัฐ ที่ห้ามนักบวชใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ถือเป็นการจำกัดสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย จึงสนับสนุนให้มีการแก้ไขในทันที
