นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 จำนวน 215,343 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงและมั่นคงต่อฐานะการคลังของรัฐบาล สะท้อนถึงความสำเร็จของการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่ภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัว โดยสามารถเบิกจ่ายได้กว่า 1,413,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 15.9 ขณะที่รายได้นำส่งคลังมีจำนวน 252,450 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อนเช่นกัน จากการนำส่งรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่เหลื่อมมาจากเดือนที่แล้วค่อนข้างมาก ประกอบกับการนำส่งรายได้ภาษีน้ำมันฯที่เพิ่มขึ้น หลังปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมัน ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณเกินดุลกว่า 112,900 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 8,827 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลเกินดุลเงินสด จำนวน 104,125 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลเงินสดด้วยการออกพันธบัตร 9,500 ล้านบาท ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง รวมทั้งใช้เงินคงคลังบางส่วน ส่งผลให้ดุลเงินสดหลังกู้ชดเชยการขาดดุลเกินดุลกว่า จำนวน 113,600 ล้านบาท
ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณกว่า 386,600 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณ ที่เกินดุล 9,876 ล้านบาทแล้ว รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 376,747 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP
ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณกว่า 386,600 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณ ที่เกินดุล 9,876 ล้านบาทแล้ว รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 376,747 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP
