กกร.เตรียมเสนอรัฐบาลดูแลค่าเงินบาทช่วยเหลือภาคส่งออก

การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้าไทย ที่ประชุมจะเสนอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาในเรื่องการลงทุน กรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งต้องการให้เร่งออกประกาศหลักเกณฑ์การลงทุนที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2550 เกี่ยวกับสิทธิชุมชน ในมาตรา 67 โดยเร็ว เพราะเอกชนก็จะได้ดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ให้ทบทวนการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ในโควต้า ก.ที่จำหน่ายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันจัดเก็บกิโลกรัมละ 5 บาท เหลือ 2-3 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อเป็นการลดต้นทุนและปรับปรุงกฎระเบียบน้ำตาลของโควต้า ค.ให้ส่งออกได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ต้องการให้ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้เทียบเท่ากับประเทศคู่แข่ง เนื่องจากปัจจุบันค่าเงินบาทของไทยยังแข็งค่ากว่าเล็กน้อย พร้อมกันนี้ จะเสนอให้รัฐช่วยเหลือผู้ส่งออกผ่านทางธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้ค้ำประกันยอดส่งออกในยอดคำสั่งซื้อโดยตรง เพิ่มจากปัจจุบันที่ค้ำประกันในระบบหนังสือสัญญาคำสั่งซื้อ หรือ แอลซี เท่านั้น
ส่วนการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สภาอุตสาหกรรมฯ ให้แต่ละสมาคมรับทราบถึงแนวทางการป้องกัน และเพิ่มมาตรการดูแลพนักงานอย่างเต็มที่ หากพบว่าพนักงานเจ็บป่วยควรลาได้โดยไม่หักเงินเดือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้ โดยประเด็นทั้งหมดจากการหารือในครั้งนี้ จะได้นำไปหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ในวันพุธที่ 15 กรกฎาคมนี้