รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาปฏิเสธในวันจันทร์ (6) ว่าไม่ได้ให้ไฟเขียวแก่อิสราเอลในการโจมตีอิหร่าน และไม่ได้กำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงแผนการเข้าคบค้าพัวพันในทางการทูตกับสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้แต่อย่างใด ในขณะที่อิหร่านยืนยันจะตอบโต้การโจมตีที่จะเกิดขึ้น "อย่างเด็ดเดี่ยวและเจ็บปวด"
อาลี ลาร์ริจานี ประธานรัฐสภาของอิหร่าน ซึ่งเคยเป็นผู้แทนของประเทศในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ด้วย ได้กล่าวเตือนว่า เตหะรานจะถือเป็นความรับผิดชอบของสหรัฐฯ หากอิหร่านถูกโจมตี เพราะเมื่อวันอาทิตย์(5) โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่เข้าไปบงการว่าอิสราเอลจะดำเนินการกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างไร
ลาร์ริจานีกล่าวในระหว่างเยือนกาตาร์ว่า อิหร่าน "จะถือว่าชาวอเมริกันจะต้องรับผิดชอบหากอิสราเอลใช้กำลัง" เพราะอิหร่านเห็นว่าอิสราเอลจะไม่มีทางลงมือ "หากไม่ได้รับไฟเขียว" จากสหรัฐฯ และเขายังเตือนด้วยว่าอิหร่านจะตอบโต้การโจมตีด้วยการกระทำที่ "เด็ดเดี่ยวและสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่ง"
ทว่า เอียน เคลลี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวถึงคำพูดของไบเดนว่า ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นการเปิดไฟเขียวให้อิสราเอลโจมตีอิหร่าน แต่ "ผมไม่ต้องการเห็นการให้ไฟเขียวกับการใช้กำลังทหารไม่ว่าจะรูปแบบใดๆ อย่างแน่นอน"
อาลี ลาร์ริจานี ประธานรัฐสภาของอิหร่าน ซึ่งเคยเป็นผู้แทนของประเทศในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ด้วย ได้กล่าวเตือนว่า เตหะรานจะถือเป็นความรับผิดชอบของสหรัฐฯ หากอิหร่านถูกโจมตี เพราะเมื่อวันอาทิตย์(5) โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่เข้าไปบงการว่าอิสราเอลจะดำเนินการกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างไร
ลาร์ริจานีกล่าวในระหว่างเยือนกาตาร์ว่า อิหร่าน "จะถือว่าชาวอเมริกันจะต้องรับผิดชอบหากอิสราเอลใช้กำลัง" เพราะอิหร่านเห็นว่าอิสราเอลจะไม่มีทางลงมือ "หากไม่ได้รับไฟเขียว" จากสหรัฐฯ และเขายังเตือนด้วยว่าอิหร่านจะตอบโต้การโจมตีด้วยการกระทำที่ "เด็ดเดี่ยวและสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่ง"
ทว่า เอียน เคลลี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวถึงคำพูดของไบเดนว่า ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นการเปิดไฟเขียวให้อิสราเอลโจมตีอิหร่าน แต่ "ผมไม่ต้องการเห็นการให้ไฟเขียวกับการใช้กำลังทหารไม่ว่าจะรูปแบบใดๆ อย่างแน่นอน"