กษ.ทำยุทธศาสตร์กาแฟยกระดับการผลิตรับมือการค้าเสรีอาเซียน

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำยุทธศาสตร์กาแฟ ปี 2552 - 2556 ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการลดต้นทุน การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์กาแฟ และด้านการสร้างเสถียรภาพราคา โดยมุ่งส่งเสริม สนับสนุนจุดแข็งในด้านคุณภาพมาตรฐาน และความปลอดภัยของสินค้ากาแฟไทย ให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับสินค้ากาแฟไทยในตลาดโลก
นอกจากนั้น ยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งปี 2553 สินค้ากาแฟต้องปฏิบัติตามข้อตกลงอาฟต้า โดยภาษีเมล็ดกาแฟจะลดลงเหลือร้อยละ 5 ขณะที่ภาษีผลิตภัณฑ์กาแฟ ลดเหลือร้อยละ 0 โอกาสที่สินค้ากาแฟจากเวียดนามจะเข้ามาตีตลาดในไทยมีความเป็นไปได้สูง ซึ่งจะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้รับความเดือดร้อน
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ยุทธศาสตร์กาแฟ จะเน้นส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายเกตรกร และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ให้ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตโดยไม่ต้องขยายพื้นที่ปลูก โดยเฉพาะกาแฟโรบาสต้า ภายในปี 2556 คาดว่าจะเพิ่มผลผลิตต่อไร่กาแฟที่ปลูกเป็นพืชเดี่ยว จาก 200 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 300 กิโลกรัมต่อไร่ และปลูกร่วมกับพืชอื่น จาก 143 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 180 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งยังมุ่งเพิ่มแปลงจำนวนกาแฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 จากพื้นที่ปลูกทั้งประเทศกว่า 400,000 ไร่