นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานเสวนา "บทบาทศุลกากรไทยต่อเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต" ในโอกาสครบรอบ 135 ปี กรมศุลกากร ว่า เอกชนต้องการให้กรมศุลกากรซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่เอกชนจะต้องติดต่อเรื่องการนำเข้าและส่งออกปรับปรุงในหลายประเด็น
สำหรับประเด็นที่ภาคเอกชนเสนอ คือ 1.ปรับปรุงระเบียบให้ทันสมัยตามหลักสากล เนื่องจากระเบียบใน พ.ร.บ.กรมศุลกากรหลายเรื่องล้าสมัยและมีอายุนานแล้ว 2.เพิ่มการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ไม่มีเจตนาเลี่ยงภาษี เนื่องจากระเบียบของกรมฯ มีจำนวนมาก อาจทำให้เอกชนเกิดความสับสนและดำเนินการผิดพลาดได้
ขณะเดียวกัน ต้องมีการลงโทษเอกชนที่มีเจตนากระทำผิดอย่างจริงจังและเข้มงวด 3.ควรมีหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพิกัดและอัตราภาษีของประเทศคู่ค้า ปรับปรุงกระบวนการพิธีการศุลกากรให้มีความรวดเร็ว และจัดทำคู่มือเพื่อให้เอกชนใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินการเรื่องพิกัดภาษี
นอกจากนี้ กรมฯ ควรกำหนดบทบาทให้ชัดเจนหลังจากที่รายได้ในการจัดเก็บภาษีลดลง ควรหันไปช่วยดูแลความปลอดภัยทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะกรมฯ ถือเป็นหน่วยงานแรกในการตรวจสอบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าควบคุมที่อาจจะเข้ามาเป็นอันตรายกับสังคม
ด้านนายอุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมฯ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ศึกษาข้อมูลกรมศุลกากรทั่วโลก เพื่อนำมากำหนดทิศทางและพัฒนาบทบาทของกรมฯ ให้ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา โดยบทบาทของกรมฯ ที่กำหนดไว้เบื้องต้น ต้องเป็นกรมที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความชำนาญด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดของสินค้าและพิกัดศุลกากร ควบคุมดูแลไม่ให้มีการนำเข้าส่งออกที่ละเมิดต่อกฎหมายและอำนวยความสะดวกทางการค้าและระบบพิธีการศุลกากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเอกชน
สำหรับประเด็นที่ภาคเอกชนเสนอ คือ 1.ปรับปรุงระเบียบให้ทันสมัยตามหลักสากล เนื่องจากระเบียบใน พ.ร.บ.กรมศุลกากรหลายเรื่องล้าสมัยและมีอายุนานแล้ว 2.เพิ่มการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ไม่มีเจตนาเลี่ยงภาษี เนื่องจากระเบียบของกรมฯ มีจำนวนมาก อาจทำให้เอกชนเกิดความสับสนและดำเนินการผิดพลาดได้
ขณะเดียวกัน ต้องมีการลงโทษเอกชนที่มีเจตนากระทำผิดอย่างจริงจังและเข้มงวด 3.ควรมีหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพิกัดและอัตราภาษีของประเทศคู่ค้า ปรับปรุงกระบวนการพิธีการศุลกากรให้มีความรวดเร็ว และจัดทำคู่มือเพื่อให้เอกชนใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินการเรื่องพิกัดภาษี
นอกจากนี้ กรมฯ ควรกำหนดบทบาทให้ชัดเจนหลังจากที่รายได้ในการจัดเก็บภาษีลดลง ควรหันไปช่วยดูแลความปลอดภัยทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะกรมฯ ถือเป็นหน่วยงานแรกในการตรวจสอบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าควบคุมที่อาจจะเข้ามาเป็นอันตรายกับสังคม
ด้านนายอุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมฯ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ศึกษาข้อมูลกรมศุลกากรทั่วโลก เพื่อนำมากำหนดทิศทางและพัฒนาบทบาทของกรมฯ ให้ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา โดยบทบาทของกรมฯ ที่กำหนดไว้เบื้องต้น ต้องเป็นกรมที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความชำนาญด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดของสินค้าและพิกัดศุลกากร ควบคุมดูแลไม่ให้มีการนำเข้าส่งออกที่ละเมิดต่อกฎหมายและอำนวยความสะดวกทางการค้าและระบบพิธีการศุลกากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเอกชน
