นายสมศักดิ์ ศิวะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์บริหารจัดการและส่งเสริมสิ่งแวดล้อม เครือสหวิริยา ได้เข้าไปหารือเบื้องต้นกับสำนักงานโครงการจัดการประมง โดยชุมชนอ่าวบางสะพานและตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงในพื้นที่ เรื่องการจัดตั้ง "เครือข่ายเฝ้าระวังและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก" หลังพบฉลามวาฬหลายครั้งทั้งในพื้นที่อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก และอำเภอหัวหิน
โดยรูปแบบของการตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังฯ นั้น ศูนย์สิ่งแวดล้อมฯ เครือสหวิริยา จะทำหน้าที่เป็นส่วนกลางในการประสานงานให้กับส่วนราชการและกลุ่มประมงในพื้นที่ซึ่งจะตั้งเป็นหน่วยรับแจ้งเรื่องสัตว์ทะเลหายาก ทั้งวาฬ เต่า หรือโลมา โดยมีหน่วยงานจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จังหวัดชุมพร เป็นหน่วยงานหลัก ในการเข้ามาดูแลร่วมกันและร่วมกันศึกษา เพื่อให้เฝ้าระวังและดูแลสัตว์ทะเลทุกชนิด
นายปราโมทย์ ชุ่มเชื้อ ประธานกลุ่มประมงบ้านอ่าวยาง กล่าวว่า ภายหลังข่าวการพบฉลามวาฬ 2 ตัว เผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดเรือรับจ้างเพื่อให้บริการพากลุ่มชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้าไปดูฉลามวาฬอย่างใกล้ชิด โดยเก็บครั้งละ 10 บาท หรือ 20 บาทต่อคน ขณะนี้พบว่ามีฉลามตัวใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกใบพัดเรือแล้ว อาจส่งผลให้ฉลามวาฬไม่กลับมาที่นี่อีกก็เป็นได้ ทั้งนี้ ข้อควรระวังในการเข้าไปดูฉลามวาฬคือไม่ควรจับ ขี่ ไล่กวด หรือเข้าไปใกล้มากๆ โดยจะต้องเว้นระยะห่างจากตัวปลาไม่น้อยกว่า 4 เมตร
สำหรับการตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากนั้น เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างเร่งด่วน และเห็นด้วยที่ภาคเอกชนเสนอเข้ามาเป็นคนกลาง ซึ่งจะป็นการรักษาพันธุ์สัตว์ทะเลหายากเพื่อดูแลให้อยู่คู่ทะเล ด้านสมาชิกเครือข่ายฯ ในเบื้องต้นจะเป็นกลุ่มประมงหมู่ 3 บ้านอ่าวยางก่อน และวางแผนเชิญชวนทั้งพี่น้องชาวประมงบวกกับพี่น้องทั่วไป ที่อยากเป็นอาสาสมัครมาช่วยกันทำงานด้านนี้
นายลิขิต บุญสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานโครงการจัดการประมงโดยชุมชนอ่าวบางสะพาน กล่าวว่า กลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์สัตว์น้ำบางสะพานซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของชาวประมง 9 กลุ่ม ตั้งแต่อ่าวบางสะพาน เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ยินดีให้ความร่วมมือจัดตั้งเครือข่ายฯ เพราะในพื้นที่จะพบสัตว์ทะเลหายากหลายชนิด ได้แก่ ฉลามวาฬ ปลาโลมา เต่าตนุ ซึ่งนับวันจะยิ่งหาดูได้ยากและใกล้สูญพันธุ์ หากมีการดูแลและร่วมมือกันโดยเฉพาะการนำกลุ่มประมงทุกกลุ่มรวมทั้งกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติในพื้นที่อำเภอบางสะพานเข้าร่วมเป็นพันธมิตร จะช่วยปกป้องและรักษาสัตว์ทะเลเหล่านี้ให้อยู่คู่ทะเลไทยและทะเลบางสะพานไปอีกนาน
ส่วนภายหลังการพบฉลามวาฬในพื้นที่นั้น กรมประมงได้ส่งเรือเข้าไปดูแลและเฝ้าตลอดเวลาตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งจากการเฝ้าระวังจะเห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาดูจำนวนมาก แต่ยังไม่พบรายงานว่ามีเรือลำใดเข้าไปทำร้ายฉลามวาฬ จะมีก็เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งพบนักท่องเที่ยววัยรุ่นเข้าไปดูด้วยคึกคะนอง ซึ่งได้ว่ากล่าวตักเตือนไป ทั้งนี้ หลังจากมีนักท่องเที่ยวเข้าไปดูจำนวนมากจึงทำให้ปลาฉลามวาฬไม่ค่อยขึ้นมาให้เห็นเท่าไร จึงมีข้อสันนิษฐานได้หลายประการ เช่น การมีคนมาดูตลอดทั้งวัน เรือเข้าไปรบกวน ซึ่งกระทบวิถีชีวิต หรือข้อสันนิษฐานที่ว่าอาจโดนใบพัดเรือที่เข้ามาดูก็เป็นไปได้
โดยรูปแบบของการตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังฯ นั้น ศูนย์สิ่งแวดล้อมฯ เครือสหวิริยา จะทำหน้าที่เป็นส่วนกลางในการประสานงานให้กับส่วนราชการและกลุ่มประมงในพื้นที่ซึ่งจะตั้งเป็นหน่วยรับแจ้งเรื่องสัตว์ทะเลหายาก ทั้งวาฬ เต่า หรือโลมา โดยมีหน่วยงานจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จังหวัดชุมพร เป็นหน่วยงานหลัก ในการเข้ามาดูแลร่วมกันและร่วมกันศึกษา เพื่อให้เฝ้าระวังและดูแลสัตว์ทะเลทุกชนิด
นายปราโมทย์ ชุ่มเชื้อ ประธานกลุ่มประมงบ้านอ่าวยาง กล่าวว่า ภายหลังข่าวการพบฉลามวาฬ 2 ตัว เผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดเรือรับจ้างเพื่อให้บริการพากลุ่มชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้าไปดูฉลามวาฬอย่างใกล้ชิด โดยเก็บครั้งละ 10 บาท หรือ 20 บาทต่อคน ขณะนี้พบว่ามีฉลามตัวใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกใบพัดเรือแล้ว อาจส่งผลให้ฉลามวาฬไม่กลับมาที่นี่อีกก็เป็นได้ ทั้งนี้ ข้อควรระวังในการเข้าไปดูฉลามวาฬคือไม่ควรจับ ขี่ ไล่กวด หรือเข้าไปใกล้มากๆ โดยจะต้องเว้นระยะห่างจากตัวปลาไม่น้อยกว่า 4 เมตร
สำหรับการตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากนั้น เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างเร่งด่วน และเห็นด้วยที่ภาคเอกชนเสนอเข้ามาเป็นคนกลาง ซึ่งจะป็นการรักษาพันธุ์สัตว์ทะเลหายากเพื่อดูแลให้อยู่คู่ทะเล ด้านสมาชิกเครือข่ายฯ ในเบื้องต้นจะเป็นกลุ่มประมงหมู่ 3 บ้านอ่าวยางก่อน และวางแผนเชิญชวนทั้งพี่น้องชาวประมงบวกกับพี่น้องทั่วไป ที่อยากเป็นอาสาสมัครมาช่วยกันทำงานด้านนี้
นายลิขิต บุญสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานโครงการจัดการประมงโดยชุมชนอ่าวบางสะพาน กล่าวว่า กลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์สัตว์น้ำบางสะพานซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของชาวประมง 9 กลุ่ม ตั้งแต่อ่าวบางสะพาน เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ยินดีให้ความร่วมมือจัดตั้งเครือข่ายฯ เพราะในพื้นที่จะพบสัตว์ทะเลหายากหลายชนิด ได้แก่ ฉลามวาฬ ปลาโลมา เต่าตนุ ซึ่งนับวันจะยิ่งหาดูได้ยากและใกล้สูญพันธุ์ หากมีการดูแลและร่วมมือกันโดยเฉพาะการนำกลุ่มประมงทุกกลุ่มรวมทั้งกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติในพื้นที่อำเภอบางสะพานเข้าร่วมเป็นพันธมิตร จะช่วยปกป้องและรักษาสัตว์ทะเลเหล่านี้ให้อยู่คู่ทะเลไทยและทะเลบางสะพานไปอีกนาน
ส่วนภายหลังการพบฉลามวาฬในพื้นที่นั้น กรมประมงได้ส่งเรือเข้าไปดูแลและเฝ้าตลอดเวลาตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งจากการเฝ้าระวังจะเห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาดูจำนวนมาก แต่ยังไม่พบรายงานว่ามีเรือลำใดเข้าไปทำร้ายฉลามวาฬ จะมีก็เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งพบนักท่องเที่ยววัยรุ่นเข้าไปดูด้วยคึกคะนอง ซึ่งได้ว่ากล่าวตักเตือนไป ทั้งนี้ หลังจากมีนักท่องเที่ยวเข้าไปดูจำนวนมากจึงทำให้ปลาฉลามวาฬไม่ค่อยขึ้นมาให้เห็นเท่าไร จึงมีข้อสันนิษฐานได้หลายประการ เช่น การมีคนมาดูตลอดทั้งวัน เรือเข้าไปรบกวน ซึ่งกระทบวิถีชีวิต หรือข้อสันนิษฐานที่ว่าอาจโดนใบพัดเรือที่เข้ามาดูก็เป็นไปได้