นางนิภาวรรณ บุศราวิช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร กล่าวถึงกรณีพบฉลามวาฬ ที่ อ.บางสะพาน และ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า การที่ฉลามวาฬมากินแพลงตอนบริเวณน้ำตื้นนั้นไม่ได้หมายความว่าบริเวณทะเลลึกจะไม่มีแหล่งอาหารแล้ว เพียงแต่เป็นไปตามห่วงโซ่อาหารและฤดูกาล เหมือนในช่วงนี้เป็นช่วงที่แพลงตอนในทะเลอุดมสมบูรณ์ และเติบโตเต็มที่ เมื่อฉลามวาฬกินแพลงตอนจนหมดหรือเหลือน้อยแล้ว ก็จะว่ายไปหากินบริเวณอื่นที่มีความอุดมสมบูรณ์ หากบริเวณนี้มีความสมบูรณ์ก็จะว่ายกลับมากินแพลงตอนอีกตามเส้นทางอาหาร
สำหรับผลกระทบที่หลายฝ่ายหวั่นว่าจะเกิดกับระบบนิเวศวิทยาจากการก่อสร้างจากโรงถลุงเหล็กนั้นเป็นเรื่องของอนาคต หากสร้างโรงถลุงขึ้นจริงใน อ.บางสะพาน และมีการจัดการที่ดีจริงๆ คงจะไม่มีผลกระทบ เพราะบริเวณชายฝั่งของ อ.บางสะพาน เป็นชายฝั่งที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เห็นได้จากการพบฉลามวาฬในครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะบ่งบอกได้ว่าบริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ และยังทำให้เห็นว่าชาวบ้านร่วมจัดการทรัพยากรทางทะเลได้เป็นอย่างดี
นายปราโมทย์ ชุ่มเชื้อ ประธานกลุ่มประมงบ้านอ่าวยาง ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างชาวบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มประมง กับเครือสหวิริยา และหน่วยงานภาครัฐ ในการจัดตั้งเครือข่ายเผ้าระวังและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากนั้น ขณะนี้เครือข่ายฯ ดังกล่าวเริ่มเป็นรูปร่างแล้ว เนื่องจากมีการหารือแนวทางการจัดตั้งมาก่อนหน้านี้แล้ว และเมื่อมีการพบฉลามวาฬก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านตื่นตัว โดยล่าสุดได้ร่วมกันเฝ้าระวังหลังมีข่าว นักท่องเที่ยวซึ่งเช่าเรือออกไปดูฉลามวาฬ แล้วเกิดความคึกคะนองจะทำร้ายฉลามวาฬ ซึ่งหากตรวจพบจะแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายทันที
สำหรับผลกระทบที่หลายฝ่ายหวั่นว่าจะเกิดกับระบบนิเวศวิทยาจากการก่อสร้างจากโรงถลุงเหล็กนั้นเป็นเรื่องของอนาคต หากสร้างโรงถลุงขึ้นจริงใน อ.บางสะพาน และมีการจัดการที่ดีจริงๆ คงจะไม่มีผลกระทบ เพราะบริเวณชายฝั่งของ อ.บางสะพาน เป็นชายฝั่งที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เห็นได้จากการพบฉลามวาฬในครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะบ่งบอกได้ว่าบริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ และยังทำให้เห็นว่าชาวบ้านร่วมจัดการทรัพยากรทางทะเลได้เป็นอย่างดี
นายปราโมทย์ ชุ่มเชื้อ ประธานกลุ่มประมงบ้านอ่าวยาง ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างชาวบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มประมง กับเครือสหวิริยา และหน่วยงานภาครัฐ ในการจัดตั้งเครือข่ายเผ้าระวังและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากนั้น ขณะนี้เครือข่ายฯ ดังกล่าวเริ่มเป็นรูปร่างแล้ว เนื่องจากมีการหารือแนวทางการจัดตั้งมาก่อนหน้านี้แล้ว และเมื่อมีการพบฉลามวาฬก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านตื่นตัว โดยล่าสุดได้ร่วมกันเฝ้าระวังหลังมีข่าว นักท่องเที่ยวซึ่งเช่าเรือออกไปดูฉลามวาฬ แล้วเกิดความคึกคะนองจะทำร้ายฉลามวาฬ ซึ่งหากตรวจพบจะแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายทันที
