ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้รับรายงานแนวทางการกู้เงินตามพระราชกำหนด และร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง ว่า ขณะนี้สถานการณ์การคลังเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่า วงเงินที่จะต้องกู้มาชดเชยเงินคงคลังตามพระราชกำหนด อาจต่ำกว่าการประมาณก่อนหน้านี้ โดยการกู้เงินเพื่อชดเชยเงินคงคลัง ไตรมาสที่ 4 อาจอยู่ที่ 100,000 ถึง 120,000 ล้านบาท ส่วนการกู้เงินตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งต้องกู้ประมาณ 600,000 ล้านบาท จะแบ่งกู้ในปี 2552 จำนวน 30,000 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 170,000 ล้านบาท และในปี 2554 และปี 2555 อีกปีละ 200,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินที่ต้องใช้สนับสนุนโครงการในแผนไทยเข้มแข็งขณะนี้ อยู่ที่ 540,000 ล้านบาท ส่วนช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 874,000 ล้านบาท ต่ำกว่าการประมาณ 100,000 ล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมหลัก ต่ำกว่าการประมาณ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้กระทรวงคมนาคม นำเสนอแผนแม่บทการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทั้งระบบ ให้กับคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณา รวมถึงสั่งให้กลับไปพิจารณาความเหมาะสมด้านการลงทุนและผลประโยชน์ ของการพัฒนาระบบราง เช่น โครงข่ายรถไฟรางคู่ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างทางรถไฟระบบรางมาตรฐานเชื่อมโยงต่างประเทศ และการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงระหว่างเมือง 4 แห่ง ได้แก่ นครราชสีมา พิษณุโลก ชลบุรี และเพชรบุรี
ส่วนการนำประเด็นโครงการเหมืองแร่โปแตซอาเซียน ซึ่งเป็นแนวทางความร่วมมืออาเซียนมาพิจารณา ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทบทวนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จึงต้องมีการกำหนดมาตรฐานให้ชัดเจนอีกครั้ง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้กระทรวงคมนาคม นำเสนอแผนแม่บทการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทั้งระบบ ให้กับคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณา รวมถึงสั่งให้กลับไปพิจารณาความเหมาะสมด้านการลงทุนและผลประโยชน์ ของการพัฒนาระบบราง เช่น โครงข่ายรถไฟรางคู่ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างทางรถไฟระบบรางมาตรฐานเชื่อมโยงต่างประเทศ และการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงระหว่างเมือง 4 แห่ง ได้แก่ นครราชสีมา พิษณุโลก ชลบุรี และเพชรบุรี
ส่วนการนำประเด็นโครงการเหมืองแร่โปแตซอาเซียน ซึ่งเป็นแนวทางความร่วมมืออาเซียนมาพิจารณา ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทบทวนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จึงต้องมีการกำหนดมาตรฐานให้ชัดเจนอีกครั้ง
