นอกเหนือจากมรดกทางดนตรีอันยิ่งใหญ่ล้ำค่า และขบวนแถวของแฟนานุแฟนผู้ยกย่องเทิดทูนเขาแล้ว ไมเคิล แจ็กสัน ราชาเพลงป๊อบผู้เพิ่งล่วงลับ ยังได้ทิ้งหนี้สินก้อนมโหฬารเอาไว้เบื้องหลัง อีกทั้งการจากไปอย่างกะทันหันก็ได้ทำลายแผนการของเขาที่จะกลับมาโลดแล่นในยุทธจักร ซึ่งหลายๆ คนหวังว่าจะทำรายได้เป็นล้านๆ และคลี่คลายความยากลำบากด้านการเงินของเขาไปได้
แจ็กสันเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อวันพฤหัสบดี(25) สิริอายุรวม 50 ปี โดยที่สามารถครองตำแหน่งนักร้องขวัญใจชาวอเมริกันและชาวโลกถึง 40 ปี ด้วยอัลบั้มยอดฮิตต่าง ๆมากมายรวมทั้ง "ทริลเลอร์" ซึ่งขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในบรรดาเพลงป๊อบด้วยกัน
แม้ว่าจะได้เงินไปหลายร้อยล้านดอลลาร์ในฐานะนักร้องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่ง แต่ก่อนเสียชีวิตแจ็กสันกลับมีหนี้สูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อต้นเดือนนี้ โดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวหลายราย
เป็นที่ทราบกันดีว่าเขาเป็นพวกพร้อมใช้เงินมหาศาลทุ่มซื้อของเล่นและของเก่าต่าง ๆ ในปี 2005 ระหว่างที่เขาถูกดำเนินคดีในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายหลายรายด้วยกัน ก็มีนักบัญชีผู้หนึ่งให้การกล่าวหาเขาว่า ใช้เงินมากกว่าที่หาได้ในปีแต่ละปีสูงถึง 20-30 ล้านดอลลาร์ทีเดียว
การที่เขาสามารถใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนั้นได้ ส่วนหนึ่งมาจากเงินกู้ 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาเอากรรมสิทธิ์เหนือแคตตาล็อกเพลงของบีเทิลส์ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้แจ็กสันมีหุ้นอยู่ในแคตตาล็อกเพลงดังกล่าว ด้วยการทำกิจการร่วมทุนกับโซนี่คอร์ป ซึ่งใช้ชื่อว่า โซนี่/เอทีวี หลังจากนั้นในปี 2006 แจ็กสันก็ขอรีไฟแนนซ์เงินกู้ดังกล่าว เพื่อมิให้ตัวเองตกอยู่ในฐานะล้มละลาย
แจ็กสันเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อวันพฤหัสบดี(25) สิริอายุรวม 50 ปี โดยที่สามารถครองตำแหน่งนักร้องขวัญใจชาวอเมริกันและชาวโลกถึง 40 ปี ด้วยอัลบั้มยอดฮิตต่าง ๆมากมายรวมทั้ง "ทริลเลอร์" ซึ่งขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในบรรดาเพลงป๊อบด้วยกัน
แม้ว่าจะได้เงินไปหลายร้อยล้านดอลลาร์ในฐานะนักร้องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่ง แต่ก่อนเสียชีวิตแจ็กสันกลับมีหนี้สูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อต้นเดือนนี้ โดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวหลายราย
เป็นที่ทราบกันดีว่าเขาเป็นพวกพร้อมใช้เงินมหาศาลทุ่มซื้อของเล่นและของเก่าต่าง ๆ ในปี 2005 ระหว่างที่เขาถูกดำเนินคดีในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายหลายรายด้วยกัน ก็มีนักบัญชีผู้หนึ่งให้การกล่าวหาเขาว่า ใช้เงินมากกว่าที่หาได้ในปีแต่ละปีสูงถึง 20-30 ล้านดอลลาร์ทีเดียว
การที่เขาสามารถใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนั้นได้ ส่วนหนึ่งมาจากเงินกู้ 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาเอากรรมสิทธิ์เหนือแคตตาล็อกเพลงของบีเทิลส์ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้แจ็กสันมีหุ้นอยู่ในแคตตาล็อกเพลงดังกล่าว ด้วยการทำกิจการร่วมทุนกับโซนี่คอร์ป ซึ่งใช้ชื่อว่า โซนี่/เอทีวี หลังจากนั้นในปี 2006 แจ็กสันก็ขอรีไฟแนนซ์เงินกู้ดังกล่าว เพื่อมิให้ตัวเองตกอยู่ในฐานะล้มละลาย