นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงกรณีที่ประเทศไทยกำลังเข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ในการประชุมเรื่องของมรดกโลก ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 22-30 มิถุนายน ที่ประเทศสเปน ว่า ไทยได้แสดงจุดยืนเดิม เนื่องจากพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร คาบเกี่ยวกับดินแดนของไทยและกัมพูชา ซึ่งไทยอยากเห็นความสงบและความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับกัมพูชา ดังนั้นหลายเรื่องที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชา หรือ ยูเนสโก เดินหน้าไป มีความห่วงใยว่าเป็นตัวหนึ่งที่เร่งให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง ความตึงเครียด และการปะทะที่บริเวณชายแดน ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ไทยต้องแสดงจุดยืนไป
ส่วนความสัมพันธ์กับกัมพูชานั้น ได้มอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปกัมพูชาเพื่อทำความเข้าใจว่า สิ่งที่ไทยดำเนินการทั้งหมดไม่มีอะไรแตกต่างไปจากสิ่งที่ได้พูดจากันไว้ว่า ในเรื่องของเขตแดนต้องแก้ไขตามกลไกที่ได้ตกลงกันไว้ภายใต้สันติวิธี
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จุดยืนไทยกับกัมพูชาไม่ตรงกัน ในประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ซึ่งกัมพูชาประสงค์ทำลักษณะฝ่ายเดียว ขณะที่ไทยมองว่าการกระทำเช่นนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และมีความเสี่ยงในการที่จะเร่งให้เกิดความรุนแรง หากไม่มีการบริหารจัดการเรื่องนี้โดยคำนึงถึงความละเอียดอ่อนของประเด็นปัญหาทั้งหมด เชื่อว่า ต้องเดินหน้าทำความเข้าใจกับกัมพูชาต่อไป
ส่วนความสัมพันธ์กับกัมพูชานั้น ได้มอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปกัมพูชาเพื่อทำความเข้าใจว่า สิ่งที่ไทยดำเนินการทั้งหมดไม่มีอะไรแตกต่างไปจากสิ่งที่ได้พูดจากันไว้ว่า ในเรื่องของเขตแดนต้องแก้ไขตามกลไกที่ได้ตกลงกันไว้ภายใต้สันติวิธี
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จุดยืนไทยกับกัมพูชาไม่ตรงกัน ในประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ซึ่งกัมพูชาประสงค์ทำลักษณะฝ่ายเดียว ขณะที่ไทยมองว่าการกระทำเช่นนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และมีความเสี่ยงในการที่จะเร่งให้เกิดความรุนแรง หากไม่มีการบริหารจัดการเรื่องนี้โดยคำนึงถึงความละเอียดอ่อนของประเด็นปัญหาทั้งหมด เชื่อว่า ต้องเดินหน้าทำความเข้าใจกับกัมพูชาต่อไป