นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมตะวันออกมาบตาพุด กล่าวว่า โครงการถมทะเลเพิ่มเติมประมาณ 1,400 ไร่ เป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่เกิดโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก หรือ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2524 สำหรับการถมทะเลเฟรดล่าสุดที่เพิ่งดำเนินการเสร็จ เป็นพื้นที่ 575 ไร่ จะใช้เป็นคลังเก็บผลิตภัณฑ์เหลวของบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี
ส่วนโครงการถมทะเล เพื่อเป็นท่าเทียบเรือ ระยะที่ 3 ยังไม่ชัดเจนว่า จะต้องถมเพิ่มหรือไม่ แต่กำลังศึกษาเพื่อสร้างเขื่อนป้องกันคลื่นสำหรับท่าเรือเดิมก่อน ซึ่งตัวเขื่อนจะยื่นออกมาขนานกับท่าเรือปัจจุบัน และทำหน้าที่เป็นขอบเขตของพื้นที่ถมทะเล หากมีการดำเนินการในอนาคต
การถมทะเลเพื่อสร้างท่าเทียบเรือมาบตาพุดมีขึ้นครั้งแรกปี 2543 โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า BLCP เมื่อเกิดการกัดเซาะชายฝั่งจึงต้องสร้างเขื่อนป้องกันเป็นแนวยาวตลอดชายหาด และกำลังถูกชาวบ้านฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า 400 ล้านบาท
ขณะที่นายธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล นักวิชาการด้านธรณีและการกัดเซาะชายฝั่ง บอกว่า หากมีการถมทะเลเพิ่มเติมจะทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง และเกิดการกัดเซาะรุนแรงมากขึ้น
ส่วนโครงการถมทะเล เพื่อเป็นท่าเทียบเรือ ระยะที่ 3 ยังไม่ชัดเจนว่า จะต้องถมเพิ่มหรือไม่ แต่กำลังศึกษาเพื่อสร้างเขื่อนป้องกันคลื่นสำหรับท่าเรือเดิมก่อน ซึ่งตัวเขื่อนจะยื่นออกมาขนานกับท่าเรือปัจจุบัน และทำหน้าที่เป็นขอบเขตของพื้นที่ถมทะเล หากมีการดำเนินการในอนาคต
การถมทะเลเพื่อสร้างท่าเทียบเรือมาบตาพุดมีขึ้นครั้งแรกปี 2543 โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า BLCP เมื่อเกิดการกัดเซาะชายฝั่งจึงต้องสร้างเขื่อนป้องกันเป็นแนวยาวตลอดชายหาด และกำลังถูกชาวบ้านฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า 400 ล้านบาท
ขณะที่นายธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล นักวิชาการด้านธรณีและการกัดเซาะชายฝั่ง บอกว่า หากมีการถมทะเลเพิ่มเติมจะทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง และเกิดการกัดเซาะรุนแรงมากขึ้น