ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจและความตั้งใจจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคระดับครัวเรือน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัด อาทิ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย และเพชรบูรณ์ เป็นต้น จำนวนทั้งสิ้น 1,237 ครัวเรือน ในวันที่ 9-10 มิถุนายน 2552 พบว่า แนวโน้มของประชาชนที่มองว่าเศรษฐกิจของประเทศเริ่มดีขึ้นในช่วง 30 วันที่ผ่านมา มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 5.6 ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่ร้อยละ 11.8 ในเดือนพฤษภาคม และร้อยละ 17.4 ในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตามประชาชนกว่าร้อยละ 80 ยังคงมองว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยภาพรวมยังคงแย่อยู่ แต่เมื่อถามถึงสภาพรายได้วันนี้ของประชาชนที่ถูกศึกษาเอง พบแนวโน้มของประชาชนที่ระบุว่ารายได้ดี เพิ่มสูงขึ้น และที่น่าสนใจคือ ประชาชนที่รู้สึกมั่นคงในหน้าที่การงานของตนเองในปัจจุบัน พบว่า มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
เมื่อถามถึงความตั้งใจจะใช้จ่ายเงินกับสินค้าขนาดใหญ่ราคาสูงในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือประมาณช่วงปีใหม่ 2553 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ตั้งใจจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์เครื่องใหม่ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 13.1 ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่ร้อยละ 21.9 ในเดือนมิถุนายน เช่นเดียวกับสัดส่วนของคนที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่และบ้านหลังใหม่ ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
เมื่อถามถึงความตั้งใจจะใช้จ่ายเงินกับสินค้าขนาดใหญ่ราคาสูงในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือประมาณช่วงปีใหม่ 2553 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ตั้งใจจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์เครื่องใหม่ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 13.1 ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่ร้อยละ 21.9 ในเดือนมิถุนายน เช่นเดียวกับสัดส่วนของคนที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่และบ้านหลังใหม่ ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
