นายวิรัช อัศวสุขสันต์ ประธานหอการค้า จ.ยะลา กล่าวว่า จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิง และวางระเบิดแหล่งธุรกิจในพื้นที่ จ.ยะลา ช่วงเช้ามืดวันนี้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักธุรกิจในพื้นที่เป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน รวมเวลากว่า 5 ปี ที่ผ่านมามีการพูดคุยและประชุมกับภาครัฐหลายครั้งเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว และครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับนักธุรกิจใน จ.ยะลา ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และได้มีการให้ความเห็นหลายอย่าง แต่เหตุการณ์ยังคงเกิดขึ้นอีก จึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นมาก ที่สำคัญขวัญและกำลังใจผู้ประกอบการในพื้นที่หดหายไป จึงอยากให้รัฐบาลเข้มข้นในการป้องกันเหตุร้าย และระงับเหตุให้เร็วที่สุด
สำหรับเหตุการณ์คนร้ายลอบวางเพลิงโกดังสินค้า และวางระเบิดโชว์รูมรถ สถานบันเทิงในครั้งนี้ มีลักษณะเช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อปี 2548 ที่เกิดเหตุไฟฟ้าดับทั่วเมือง และมีการลอบวางเพลิงร้านค้าจนได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังย้อนกลับมาในรูปแบบเดิม แสดงให้เห็นว่า การปราบปราม หรือมาตรการต่างๆ ของรัฐ ยังไม่มีผลเต็มที่ สำหรับคณะทำงานที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เข้ามาแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ที่ผ่านมายังไม่มีการประชุม หรือเรียกตัวแทนภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม เข้าไปประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรการในการพัฒนา และการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งควรมีการเรียกประชุม และเรียกผู้ประกอบการ ทั้งตัวแทนภาคธุรกิจต่างๆ มาให้ความเห็น เพื่อร่วมกันรักษาให้ผู้ประกอบการในพื้นที่สามารถประคองธุรกิจอยู่ได้ และมีกำลังใจในการประกอบธุรกิจต่อไป
นายวิรัช กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในพื้นที่ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดตั้งชุมชนเข้มแข็ง ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ การดูแลโดยภาคประชาชนหรือท้องถิ่นยังคงไม่เพียงพอ ยังต้องใช้งบประมาณอีกจำนวนมาก และคนที่จะมาทำงานต้องเสียสละจริงๆ จึงอยากให้ภาครัฐเพิ่มงบประมาณให้กับท้องถิ่น หรือผู้ประกอบการ ในการดูแลรักษาความปลอดภัย และการติดตั้งระบบสื่อสาร โดยเฉพาะกล้องวงจรปิด ซึ่งที่ผ่านมาไม่แน่ใจว่ามีการติดตั้งครบทุกจุดหรือไม่ และแต่ละจุดที่ติดตั้งสามารถใช้งานได้ทุกจุดหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาร้องเรียนโดยตลอด บางครั้งมีกล้องแต่ไม่มีภาพ หรือระบบไม่สามารถดำเนินการได้
สำหรับเหตุการณ์คนร้ายลอบวางเพลิงโกดังสินค้า และวางระเบิดโชว์รูมรถ สถานบันเทิงในครั้งนี้ มีลักษณะเช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อปี 2548 ที่เกิดเหตุไฟฟ้าดับทั่วเมือง และมีการลอบวางเพลิงร้านค้าจนได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังย้อนกลับมาในรูปแบบเดิม แสดงให้เห็นว่า การปราบปราม หรือมาตรการต่างๆ ของรัฐ ยังไม่มีผลเต็มที่ สำหรับคณะทำงานที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เข้ามาแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ที่ผ่านมายังไม่มีการประชุม หรือเรียกตัวแทนภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม เข้าไปประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรการในการพัฒนา และการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งควรมีการเรียกประชุม และเรียกผู้ประกอบการ ทั้งตัวแทนภาคธุรกิจต่างๆ มาให้ความเห็น เพื่อร่วมกันรักษาให้ผู้ประกอบการในพื้นที่สามารถประคองธุรกิจอยู่ได้ และมีกำลังใจในการประกอบธุรกิจต่อไป
นายวิรัช กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในพื้นที่ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดตั้งชุมชนเข้มแข็ง ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ การดูแลโดยภาคประชาชนหรือท้องถิ่นยังคงไม่เพียงพอ ยังต้องใช้งบประมาณอีกจำนวนมาก และคนที่จะมาทำงานต้องเสียสละจริงๆ จึงอยากให้ภาครัฐเพิ่มงบประมาณให้กับท้องถิ่น หรือผู้ประกอบการ ในการดูแลรักษาความปลอดภัย และการติดตั้งระบบสื่อสาร โดยเฉพาะกล้องวงจรปิด ซึ่งที่ผ่านมาไม่แน่ใจว่ามีการติดตั้งครบทุกจุดหรือไม่ และแต่ละจุดที่ติดตั้งสามารถใช้งานได้ทุกจุดหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาร้องเรียนโดยตลอด บางครั้งมีกล้องแต่ไม่มีภาพ หรือระบบไม่สามารถดำเนินการได้
