การชี้แจงข้อเท็จจริงต่อองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการออกพระราชกำหนดกู้เงิน 4 แสนล้านบาท ใช้เวลาทั้งหมด 40 นาที โดย นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตัวแทนฝ่ายผู้ร้อง ใช้สิทธิ์ชี้แจงก่อน โดยย้ำถึงพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจปี 2552 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเนื้อหาสาระของกฎหมาย ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตรงกันข้ามกลับสะท้อนให้เห็นถึงความเร่งรีบของรัฐบาล เพราะไม่มีการเขียนรายละเอียดในตัวโครงการต่างๆ อีกทั้งไม่ผ่านการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ว่า โครงการต่างๆ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามหลักการ และเหตุผลของกฎหมาย โดยระบุว่า พระราชกำหนดจะเป็นจุดทำลายวินัยการเงินการคลังของประเทศ พร้อมเสนอทางออกให้ออกเป็นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.งบประมาณปี 2552 หรือการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะปี 2548 แทน
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะฝ่ายผู้ถูกร้อง หรือรัฐบาล ใช้เวลาชี้แจง 15 นาที ชี้แจงเหตุผลการออกพระราชกำหนดด้วยภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และวิกฤตในประเทศที่เกิดจากการชุมนุมต่างๆ รวมถึงปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้ จีดีพี หรืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจติดลบ 7.1 ในไตรมาสแรกของปีนี้ ประกอบกับรัฐบาลไม่มีเงินคงคลังเหลืออยู่ จึงเห็นว่า เป็นเรื่องเร่งด่วน และจำเป็นต้องออกเป็นพระราชกำหนด โดยเอาเงินส่วนหนึ่งสมทบเงินคงคลัง และอีกส่วนหนึ่งนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ
หลังจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรับฟังทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จสิ้น ได้มีการนัดแถลงด้วยวาจาอีกครั้ง พร้อมลงมติกรณีนี้ในวันพุธที่ 3 มิถุนายน เวลา 10.00 น.
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะฝ่ายผู้ถูกร้อง หรือรัฐบาล ใช้เวลาชี้แจง 15 นาที ชี้แจงเหตุผลการออกพระราชกำหนดด้วยภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และวิกฤตในประเทศที่เกิดจากการชุมนุมต่างๆ รวมถึงปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้ จีดีพี หรืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจติดลบ 7.1 ในไตรมาสแรกของปีนี้ ประกอบกับรัฐบาลไม่มีเงินคงคลังเหลืออยู่ จึงเห็นว่า เป็นเรื่องเร่งด่วน และจำเป็นต้องออกเป็นพระราชกำหนด โดยเอาเงินส่วนหนึ่งสมทบเงินคงคลัง และอีกส่วนหนึ่งนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ
หลังจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรับฟังทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จสิ้น ได้มีการนัดแถลงด้วยวาจาอีกครั้ง พร้อมลงมติกรณีนี้ในวันพุธที่ 3 มิถุนายน เวลา 10.00 น.