“ลิ่วล้อแม้ว” รุมสวด รบ.หมกเม็ดกู้เงิน ตปท.ขัด รธน.ขู่ยื่นถอดถอน หากใครหนุน

“เพื่อไทย” รุมถล่มรัฐบาลเสนอกฎหมายขั้นตอน-วิธีการจัดทำหนังสือสัญญาขัดรัฐธรรมนูญ หมกเม็ดหนีกู้เงินต่างประเทศสร้างหนี้ให้ชาติ “วรวัจน์” ท้าทำประชาพิจารณ์ ขู่ ส.ส.คนไหนหนุนร่างกฎหมายเตรียมล่ารายชื่อยื่นถอดถอน ด้าน “นิพิฏฐ์” เปิดข้อมูลศาลรัฐธรรมนูญมีมติระบุกู้เงินไม่เข้าข่ายสัญญาระหว่างประเทศ

วันนี้ (18 มี.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ...ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี และร่าง พ.ร.บ.ขั้นตอนและวิธีการจัดการทำหนังสือสัญญา พ.ศ...ที่เสนอโดยนางสาวรัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงหลักการและเหตุผลร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ว่า เนื่องจากมาตรา 190 วรรคห้า ประกอบกับมาตรา 303(3) ของรัฐธรรมนูญ บัญญัติให้มีกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้าหรือการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าวจึงจำเป็นต้องพระราชบัญญัตินี้

อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคเพื่อไทยต่างอภิปรายโจมตีร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้โดยเฉพาะในมาตรา 4 วรรคสองในเรื่องหนังสือสัญญาตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงหนังสือสัญญากู้เงินหรือค้ำประกันเงินกู้ที่รัฐบาลไทย หรือราชอาณาจักรไทยทำขึ้นตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้เป็นการเฉพาะหรือเป็นการทั่วไป ซึ่งเห็นว่าการกำหนดเช่นนี้ ถือว่าเป็นการขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ

ด้าน นายประเกียรติ นาสิมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนได้ไปตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.นี้อย่างละเอียด พบว่า มีการหมกเม็ดยิ่งกว่าที่มีการกล่าวหากัน เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคห้า กำหนดชัดเจนว่าให้จัดทำ พ.ร.บ.เกี่ยวกับแนวทางวิธีการในการทำหนังสือสัญญา แต่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้กำหนดแนวทางแต่ไปกำหนดเรื่องประเภทของสัญญา โดยเฉพาะในมาตรา 4 วรรคสองให้มีการยกเว้นหนังสือสัญญากู้เงินและค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งตรงนี้ก็เท่ากับเป็นการยกเว้นรัฐธรรมนูญไปด้วย ดังนั้น สัญญาฉบับนี้ถือว่าเป็นสัญญาที่ขัดรัฐธรรมนูญ เป็นร่าง พ.ร.บ.ที่ขัดกับมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่กฎหมายอื่นจะขัดหรือแย้งไม่ได้ ซึ่งหากให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านไปได้ก็เท่ากับขัดรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน

ขณะที่ นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า หากร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ขัดรัฐธรรมนูญ รัฐบาลเสนอเข้ามาผิดพลาด ใครจะรับผิดชอบ พรรคประชาธิปัตย์จะรับผิดหรือไม่ และเจตนาของรัฐบาลที่เสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อเตรียมไปกู้เงินกับต่างประเทศใช้หรือไม่ กู้มาแล้วก็เป็นหนี้ แล้วหากรัฐบาลไปกู้เงินมาอีกหนี้จะเกินร้อยละ 50 ของจีดีพีหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็กู้แล้วกู้อีก

ต่อมา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มาตรา 4 วรรคสอง กลับระบุให้มีการยกเว้นการทำสัญญาเงินกู้ ซึ่งเป็นการขัดแย้งกันเองของกฎหมาย รวมทั้งการกู้เงินเป็นเรื่องที่ประชาชนไม่ไว้วางใจและหวาดกลัว ประชาชนอยากรู้รายละเอียดการกู้เงิน รวมทั้งมีข่าวว่ารัฐบาลจะไปขยายเพดานการกู้เงินเพิ่ม จึงถือว่าไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ทั้งที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะกู้เงินหมื่นถึงแสนล้าน

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ส่อจงใจในการใช้อำนาจ ให้ขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน จึงไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้แล้ว ซึ่งหากมีสมาชิกคนใดจงใจใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ ตนจะดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่ง และหาก ป.ป.ช.มีมติชี้มูลก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะลุกฮือ พร้อมทั้งจะรวบรวมรายชื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จึงอยากให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไปก่อน อย่าทำลุกลี้ลุกลนปิดตาประชาชน ไม่ให้รู้เห็นเรื่องการกู้เงิน ซึ่งจะกลายเป็นสัญญาทาส เหมือนในอดีตที่ไปกู้เงินไอเอ็มเอฟ แม้รัฐบาลจะใช้เสียงมากลากไปในสภาได้แต่ก็ต้องให้ประชาชนมีส่วนรับรู้ในรายละเอียด และหากไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไป รัฐบาลกล้าที่จะทำประชาพิจารณ์เพื่อฟังเสียงประชาชนหรือไม่ หากประชาชนยอมรับตนก็พร้อมที่จะยอมรับเช่นเดียวกัน

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายว่า การออกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ใช่เป็นการเร่งรีบ ออกกฎหมายเพื่อกู้เงิน ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมาก ส่วนกรณีที่บอกว่ารัฐบาลกู้เงินจนเต็มเพดานนั้น ต้องลงไปดูรายละเอียดว่ารัฐบาลที่ผ่านมากู้เงินไปแล้วเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ที่มีการระบุว่า มาตรา 4 ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ขัดรัฐธรรมนูญนั้น ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า การกู้เงินไม่เข้าข่ายการเป็นสัญญาระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดรัฐบาลได้ถอนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกไปก่อนแล้ว