นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย เดือนเมษายน 2552 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 76.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม ที่ระดับ 69.4 โดยได้รับผลดีจากยอดคำสั่งซื้อ และยอดขายโดยรวม ตลอดจนปริมาณการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนสถานการณ์ทางการเมือง ยังเป็นปัจจัยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ยังอยู่ในระดับที่ไม่แข็งแกร่งนัก สะท้อนจากค่าดัชนีที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 37 นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 เป็นต้นมา
สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 81.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม ที่อยู่ในระดับ 75.1 เนื่องจากผู้ประกอบการคาดว่า ความเชื่อมั่นในด้านยอดคำสั่งซื้อและยอดขายทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศน่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจในบางประเทศคู่ค้าเริ่มมีทิศทางการขยายตัวของการบริโภคอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ค่าดัชนีฯ ดังกล่าวยังเป็นระดับที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (2551) ที่อยู่ในระดับ 91.7 และยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 100 แสดงว่าผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมในอนาคต อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงชะลอตัว รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงทางด้านการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมจำแนกตามขนาดของกิจการ พบว่า อุตสาหกรรมขนาดย่อม และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมขนาดกลาง ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบด้านยอดคำสั่งซื้อ และยอดขายโดยรวมที่ปรับลดลงของอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร
สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 81.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม ที่อยู่ในระดับ 75.1 เนื่องจากผู้ประกอบการคาดว่า ความเชื่อมั่นในด้านยอดคำสั่งซื้อและยอดขายทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศน่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจในบางประเทศคู่ค้าเริ่มมีทิศทางการขยายตัวของการบริโภคอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ค่าดัชนีฯ ดังกล่าวยังเป็นระดับที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (2551) ที่อยู่ในระดับ 91.7 และยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 100 แสดงว่าผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมในอนาคต อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงชะลอตัว รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงทางด้านการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมจำแนกตามขนาดของกิจการ พบว่า อุตสาหกรรมขนาดย่อม และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมขนาดกลาง ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบด้านยอดคำสั่งซื้อ และยอดขายโดยรวมที่ปรับลดลงของอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร