นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าอาหาร 2552 หรือ THAIFEX -WORLD of Food ASIA 2009 ว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งใหญ่ในรอบปี เพราะประเทศไทยได้เชิญประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมงานหลายสิบประเทศ
นายศิริพล กล่าวว่า แม้ว่าประเทศไทยจะถูกประกาศให้เป็นประเทศที่ 31 ที่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่ไม่ทำให้นักลงทุนต่างชาติยกเลิกการเข้ามาชมงาน อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ทางผู้จัดงานได้นำเทอร์โมสแกน 2 เครื่องมาติดบริเวณงานทั้งทางเข้า-ออก เพื่อตรวจสอบผู้เข้าร่วมงาน สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้เข้าร่วมงาน
ที่ผ่านมาอาหารของไทยยังเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการของชาวโลก แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำ ส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้ไทยส่งออกในกลุ่มอาหารไม่ดีนัก แต่เชื่อว่าไตรมาส 2 และ 3 จนถึงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวและความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารของไทย น่าจะส่งผลให้การส่งออกในกลุ่มอาหารยังมีการเติบโตได้เล็กน้อย จากปีที่แล้วไทยส่งออกกลุ่มอาหาร 770,000 ล้านบาท แต่ปีนี้คาดว่าจะส่งออกกลุ่มอาหารได้กว่า 780,000 ล้านบาท
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า การจัดงานครั้งนี้มีบริษัททั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานกว่า 2,100 บูธ และจะมีผู้เข้าชมงานทั้งชาวไทยและต่างชาติตลอดการจัดงานประมาณ 100,000 คน แยกเป็นระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม ช่วงเวลา 10.00-18.00 น. ซึ่งจะเป็นวันเจรจาธุรกิจ ก่อนจะเปิดจำหน่ายทั่วไประหว่างวันที่ 16-17 พฤษภาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีเงินสะพัดทั้งในงานและภายหลังการจัดงานกว่า 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า ไทยเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจในการจัดแสดงสินค้าด้านอาหาร ซึ่งไทยจัดงานนี้มาแล้วเป็นปีที่ 6 และเห็นได้ชัดว่า ไม่มีประเทศใดยกเลิกการเข้าร่วมงานดังกล่าว เพราะมองว่า ไทยมีความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์อาหาร น่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการส่งออก ขณะเดียวกัน จะมีการลงนามปฏิญญาว่าด้วยการจัดตั้งสมาพันธ์อาหารแห่งเอเชีย โดยผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกัน ซึ่งสมาพันธ์ดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้ชาวโลก เพราะกลุ่มประเทศเอเชียจะร่วมกันผนึกกำลังเป็นหนึ่งในการดูแลผลิตภัณฑ์อาหารทะเลให้มีความปลอดภัยสูงสุดของโลก
นายศิริพล กล่าวว่า แม้ว่าประเทศไทยจะถูกประกาศให้เป็นประเทศที่ 31 ที่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่ไม่ทำให้นักลงทุนต่างชาติยกเลิกการเข้ามาชมงาน อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ทางผู้จัดงานได้นำเทอร์โมสแกน 2 เครื่องมาติดบริเวณงานทั้งทางเข้า-ออก เพื่อตรวจสอบผู้เข้าร่วมงาน สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้เข้าร่วมงาน
ที่ผ่านมาอาหารของไทยยังเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการของชาวโลก แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำ ส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้ไทยส่งออกในกลุ่มอาหารไม่ดีนัก แต่เชื่อว่าไตรมาส 2 และ 3 จนถึงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวและความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารของไทย น่าจะส่งผลให้การส่งออกในกลุ่มอาหารยังมีการเติบโตได้เล็กน้อย จากปีที่แล้วไทยส่งออกกลุ่มอาหาร 770,000 ล้านบาท แต่ปีนี้คาดว่าจะส่งออกกลุ่มอาหารได้กว่า 780,000 ล้านบาท
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า การจัดงานครั้งนี้มีบริษัททั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานกว่า 2,100 บูธ และจะมีผู้เข้าชมงานทั้งชาวไทยและต่างชาติตลอดการจัดงานประมาณ 100,000 คน แยกเป็นระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม ช่วงเวลา 10.00-18.00 น. ซึ่งจะเป็นวันเจรจาธุรกิจ ก่อนจะเปิดจำหน่ายทั่วไประหว่างวันที่ 16-17 พฤษภาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีเงินสะพัดทั้งในงานและภายหลังการจัดงานกว่า 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า ไทยเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจในการจัดแสดงสินค้าด้านอาหาร ซึ่งไทยจัดงานนี้มาแล้วเป็นปีที่ 6 และเห็นได้ชัดว่า ไม่มีประเทศใดยกเลิกการเข้าร่วมงานดังกล่าว เพราะมองว่า ไทยมีความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์อาหาร น่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการส่งออก ขณะเดียวกัน จะมีการลงนามปฏิญญาว่าด้วยการจัดตั้งสมาพันธ์อาหารแห่งเอเชีย โดยผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกัน ซึ่งสมาพันธ์ดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้ชาวโลก เพราะกลุ่มประเทศเอเชียจะร่วมกันผนึกกำลังเป็นหนึ่งในการดูแลผลิตภัณฑ์อาหารทะเลให้มีความปลอดภัยสูงสุดของโลก