ปชช.มองเหตุลอบยิง "สนธิ" อาจทำให้การเมืองแรงขึ้น

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ต่อเหตุการณ์บ้านเมืองหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์ให้เป็นบทเรียน และเป็นข้อมูลในการสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองไทย โดยการสุ่มกระจาย จากตัวแทน 32 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 3,297 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1- 9 พฤษภาคม 2552 สรุปได้ดังนี้
5 เหตุการณ์ที่ทำให้ความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น อันดับ 1 คือ การแก้ไขเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ร้อยละ 31.45 อันดับ 2 การเปิดอภิปราย และนำปัญหาการเมืองเข้าสู่สภา ร้อยละ 24.11 อันดับ 3 การจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ปฏิรูปการเมือง ร้อยละ 18.38 อันดับ 4 การรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทยหยุดใช้ความรุนแรง ร้อยละ 16.47 อันดับ 5 การเผยแพร่ข่าวสารต่างๆ ทั้งจากสื่อมวลชนและรัฐบาลให้ประชาชนรับรู้ เช่น รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์
ส่วน 5 เหตุการณ์ที่ทำให้ความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยลดลง อันดับ 1 คือการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล น่าจะทำให้การเมืองรุนแรงมากขึ้น ร้อยละ 38.37 อันดับ 2 การโจมตี ตอบโต้ ทะเลาะ ชิงดีชิงเด่น ไม่ยอมกันของนักการเมืองแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย ร้อยละ 34.63 อันดับ 3 การแบ่งฝ่ายของประชาชนแต่ละกลุ่มโดยมีนักการเมืองหนุนหลัง ร้อยละ 17.08 อันดับ 4 การชุมนุมประท้วงที่ยังคงมีต่อเนื่อง ร้อยละ 9.86 อันดับ 5 ข่าวการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะทางลบ ของสื่อมวลชนบางสำนักข่าว ร้อยละ 3.06
ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างมองว่า ใครจะเป็นผู้ที่ทำให้การเชื่อมั่นการเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น อันดับ 1 นักการเมือง ร้อยละ 28.87 โดยเลิกทะเลาะกัน ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างสมานฉันท์ที่ดี เลิกคอร์รัปชั่น อันดับ 2 กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ร้อยละ 25.20 โดยการยุติการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง เลิกแบ่งสีแบ่งพวก หยุดโจมตีให้ร้ายกัน อันดับ 3 สื่อมวลชน ร้อยละ 16.74 โดยหยุดเสนอข่าวที่ไม่เป็นกลาง หรือข่าวที่สนับสนุนแต่ละกลุ่ม ให้มีความยุติธรรม อันดับ 4 รัฐบาล ร้อยละ 15.26 โดยเร่งสร้างความสมานฉันท์ เร่งทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด หยุดเล่นเกมการเมือง อันดับ 5 คณะกรรมการสมานฉันท์ ร้อยละ 13.96 โดยการปฏิรูปการเมือง เร่งทำงานอย่างรวดเร็วและจริงจัง ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม