นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถึงแนวการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน ว่ารัฐบาลมีโครงการลงทุนตามวัตถุประสงค์หลัก 7 ประการ คือ การบริหารจัดการน้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานและสนับสนุนภาคการเกษตร การปรับปรุงระบบขนส่งคมนาคมและลอจิสติกส์ การปรับปรุงด้านสาธารณสุข การปรับปรุงด้านการศึกษา สนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและภาคการบริการ การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น การลงทุนด้านการศึกษาวิจัย และประการสุดท้าย คือ การพัฒนาพื้นที่พิเศษในส่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะใช้งบประมาณใน 7 โครงการดังกล่าวประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนภายในระยะเวลา 3 ปี โดยเงินลงทุนส่วนหนึ่ง จำนวน 8 แสนล้านบาท จะมาจากเงินกู้ภายในประเทศ โดยแบ่งเป็น 6 แสนล้านบาทสำหรับโครงการต่างๆ และอีก 2 แสนล้านบาท สำหรับนำมาบริหารความคล่องตัวด้านการคลัง
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ฐานะของประชาชนในประเทศไทยจะไม่เป็นหนี้มากขึ้น เพราะเป็นการกู้เงินในประเทศ และสอดคล้องกับประเทศไทยมีเงินอยู่ในระบบธนาคารที่เป็นเงินสภาพคล่องส่วนเกิน จำนวนประมาณ 8 แสนล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่าการที่รัฐบาลดำเนินการกู้เงินดังกล่าว เป็นการนำเงินออกมาใช้ประโยชน์และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ภายใต้กรอบความคิดที่จะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งภายในปี 2555 เพื่อให้เศรษฐกิจไทยพร้อมรับการแข่งขันและได้ประโยชน์สูงสุดในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นในอนาคต
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ฐานะของประชาชนในประเทศไทยจะไม่เป็นหนี้มากขึ้น เพราะเป็นการกู้เงินในประเทศ และสอดคล้องกับประเทศไทยมีเงินอยู่ในระบบธนาคารที่เป็นเงินสภาพคล่องส่วนเกิน จำนวนประมาณ 8 แสนล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่าการที่รัฐบาลดำเนินการกู้เงินดังกล่าว เป็นการนำเงินออกมาใช้ประโยชน์และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ภายใต้กรอบความคิดที่จะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งภายในปี 2555 เพื่อให้เศรษฐกิจไทยพร้อมรับการแข่งขันและได้ประโยชน์สูงสุดในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นในอนาคต