นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปรับลดงบประมาณของทุกกระทรวง เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะการคลัง ซึ่งในส่วนของกรมทางหลวง เดิมได้มีการของบประมาณประจำปีที่วงเงิน 79,000 ล้านบาท แต่ได้รับการจัดสรรเป็นวงเงิน 56,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบประมาณลงทุนใหม่แล้วเสร็จใน 1 ปี 26,000 ล้านบาท ในส่วนนี้ กรมทางหลวงจะเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ในเดือนมกราคม 2553 และวงเงินที่ได้รับจัดสรรที่เหลือ จะเป็นงบประมาณจากเงินกู้กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกรมทางหลวงได้รับการจัดสรรอีกเกือบ 30,000 ล้านบาท โดยจะมีการลงทุนผูกพันเป็นระยะเวลา 3 ปี (2553-2555)
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า ในภาพรวมแม้กรมทางหลวงจะโดนปรับลดงบประมาณ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนใหม่ และการดูแลซ่อมบำรุงเขตทาง โดยจะใช้ระบบบริหารจัดการเข้าช่วยในการจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งหลังจากนี้กรมทางหลวงจะปรับมาตรฐาน การดูแลซ่อมบำรุงทางใหม่ จากเดิมที่การก่อสร้างเส้นทางเมื่อครบ 7 ปี จึงมีการซ่อมบำรุงใหญ่ แต่กรมทางหลวงจะใช้วิธีการทยอยซ่อมบำรุง เช่น เมื่อก่อสร้างทางเสร็จ 3 ปี จะมีการลาดยางอย่างบาง เพื่อปิดรอยแตกร้าว เพื่อไม่ให้น้ำซึมลงไปกระทบชั้นปูน ซึ่งวิธีดังกล่าวจะลดความเสียหายต่อพื้นถนนตามอายุการใช้งานได้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยลดวงเงินงบประมาณ ที่จะใช้ซ่อมบำรุงทางในแต่ละเส้นทาง จากตารางเมตรละกว่า 400 บาท ลงเหลือเพียง 200 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังร่วมกับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดโครงการปลูกป่าลดโลกร้อน บริเวณจุดสิ้นสุดทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ตัดกับทางหลวงหมายเลข 1 ตอนบางปะอิน-สระบุรี กม.55 โดยถือเป็นวันแรกของการเริ่มโครงการ ตามที่กรมทางหลวงมีเป้าหมายจะปลูกต้นไม้ในเขตทางทั่วประเทศ 99,999 ต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดโลกร้อนแล้ว ยังทำให้เกิดความสวยงามต่อเขตทางถนนหลวงด้วย
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า ในภาพรวมแม้กรมทางหลวงจะโดนปรับลดงบประมาณ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนใหม่ และการดูแลซ่อมบำรุงเขตทาง โดยจะใช้ระบบบริหารจัดการเข้าช่วยในการจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งหลังจากนี้กรมทางหลวงจะปรับมาตรฐาน การดูแลซ่อมบำรุงทางใหม่ จากเดิมที่การก่อสร้างเส้นทางเมื่อครบ 7 ปี จึงมีการซ่อมบำรุงใหญ่ แต่กรมทางหลวงจะใช้วิธีการทยอยซ่อมบำรุง เช่น เมื่อก่อสร้างทางเสร็จ 3 ปี จะมีการลาดยางอย่างบาง เพื่อปิดรอยแตกร้าว เพื่อไม่ให้น้ำซึมลงไปกระทบชั้นปูน ซึ่งวิธีดังกล่าวจะลดความเสียหายต่อพื้นถนนตามอายุการใช้งานได้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยลดวงเงินงบประมาณ ที่จะใช้ซ่อมบำรุงทางในแต่ละเส้นทาง จากตารางเมตรละกว่า 400 บาท ลงเหลือเพียง 200 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังร่วมกับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดโครงการปลูกป่าลดโลกร้อน บริเวณจุดสิ้นสุดทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ตัดกับทางหลวงหมายเลข 1 ตอนบางปะอิน-สระบุรี กม.55 โดยถือเป็นวันแรกของการเริ่มโครงการ ตามที่กรมทางหลวงมีเป้าหมายจะปลูกต้นไม้ในเขตทางทั่วประเทศ 99,999 ต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดโลกร้อนแล้ว ยังทำให้เกิดความสวยงามต่อเขตทางถนนหลวงด้วย
