นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สถานการณ์จัดเก็บรายได้ภาษีในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณปี 2552 ในส่วนของภาษีสรรพสามิตลดลงหนักที่สุดกว่าร้อยละ 20 ส่วนภาษีสรรพากรลดลงประมาณร้อยละ 9 - 10 ซึ่งยังมีแนวโน้มปรับลดลงอีก เนื่องจากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ชำระกันในปีนี้เป็นผลของปีก่อนทั้งสิ้น ทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันที่เศรษฐกิจมีปัญหา ส่งผลต่อรายได้ภาษีในปีต่อไปลดลงมากกว่านี้
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยกระทบต่อกำลังความสามารถของประเทศในการหารายได้ให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายของรัฐบาล เพราะว่าการจัดเก็บในระดับร้อยละ 16 - 17 ของจีดีพี หรือบางครั้งลดลงเหลือร้อยละ 15 ของจีดีพี ซึ่งเป็นจุดที่น่าเป็นห่วง เพราะว่าหากรายได้ไม่สอดคล้องกับระดับค่าใช้จ่าย หรือไม่สอดคล้องกับระดับหนี้สาธารณะก็จำเป็นจะต้องไปดูเรื่องภาษีอากรอย่างเป็นระบบ โดยจะต้องปรับเพิ่มขึ้น แต่ต้องมีคำตอบให้กับสังคมเข้าใจว่าปรับเพิ่มภาษีแล้วยังทำให้ศักยภาพการแข่งขันของภาคธุรกิจดีเหมือนเดิม เมื่อเทียบกับคู่แข่ง หรือปรับเพิ่มแล้วทำให้ระบบมีประสิทธิภาพหรือไม่ หรือว่าปรับเพิ่มขึ้นเพราะเป็นห่วงระดับรายได้ที่ลดลง
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยกระทบต่อกำลังความสามารถของประเทศในการหารายได้ให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายของรัฐบาล เพราะว่าการจัดเก็บในระดับร้อยละ 16 - 17 ของจีดีพี หรือบางครั้งลดลงเหลือร้อยละ 15 ของจีดีพี ซึ่งเป็นจุดที่น่าเป็นห่วง เพราะว่าหากรายได้ไม่สอดคล้องกับระดับค่าใช้จ่าย หรือไม่สอดคล้องกับระดับหนี้สาธารณะก็จำเป็นจะต้องไปดูเรื่องภาษีอากรอย่างเป็นระบบ โดยจะต้องปรับเพิ่มขึ้น แต่ต้องมีคำตอบให้กับสังคมเข้าใจว่าปรับเพิ่มภาษีแล้วยังทำให้ศักยภาพการแข่งขันของภาคธุรกิจดีเหมือนเดิม เมื่อเทียบกับคู่แข่ง หรือปรับเพิ่มแล้วทำให้ระบบมีประสิทธิภาพหรือไม่ หรือว่าปรับเพิ่มขึ้นเพราะเป็นห่วงระดับรายได้ที่ลดลง