นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ได้รับทราบตัวเลขการเงิน การคลัง ภาวะแรงงาน ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ทางการเมือง โดยพบว่าตัวเลขในส่วนของภาวะแรงงาน ในเดือนมีนาคม ปรับตัวดีขึ้น โดยมีอัตราการว่างงาน อยู่ที่ 81,842 คน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ ที่สูงถึง 101,939 คน แต่รัฐบาลยังไม่นิ่งนอนใจ โดยจะจับตาดูตัวเลขในเดือนเมษายนต่อไป โดยได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ไปศึกษาตัวเลขผลกระทบเศรษฐกิจภายในอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 วงเงิน 1.56 ล้านล้านบาท และงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2553 วงเงิน 1.7 ล้านล้านบาท ให้นำมาเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ในวันที่ 6 พฤษภาคม โดยจะได้ข้อสรุปในเรื่องของโครงการกระตุ้นการลงทุนและวงเงินกู้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า การขยายเพดานการก่อหนี้สาธารณะต่อ GDP เป็นร้อยละ 60 จะไม่มีการแก้ไขกฎหมายหลักแต่จะมีการแก้ไข เพื่อให้รัฐบาลมีอำนาจในการกู้เงินได้ โดยอาจทำเป็นในรูปของ พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ. ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป ศึกษาในรายละเอียด
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า การขยายเพดานการก่อหนี้สาธารณะต่อ GDP เป็นร้อยละ 60 จะไม่มีการแก้ไขกฎหมายหลักแต่จะมีการแก้ไข เพื่อให้รัฐบาลมีอำนาจในการกู้เงินได้ โดยอาจทำเป็นในรูปของ พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ. ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป ศึกษาในรายละเอียด
