หนึ่งในข้อมูลจากรายงานการศึกษาเรื่อง "ผลกระทบทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอดีบี ที่ว่า "พื้นที่ชายฝั่งเกือบ 3,000 กิโลเมตรของไทย ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการสูญเสียพื้นที่ เนื่องจากการกัดเซาะและน้ำท่วม ซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบต่อรายได้ในภาคการท่องเที่ยว" นั้น พบว่า ประเทศในแถบนี้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย อาจได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าร้อยละ 6 ต่อปี ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งมากกว่าผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินหลายเท่าตัว โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ยากไร้ ซึ่งมีวิถีชีวิตพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติ จัดเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนมากที่สุด
รายงานฉบับนี้ แนะนำให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แก้ปัญหาภัยคุกคาม ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและวิกฤตทางการเงินควบคู่กันไป โดยรวมแผนกระตุ้นด้านสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการเงิน เช่น เพิ่มทางเลือกในการบรรเทาปัญหาภาคพลังงาน และบริหารการใช้ทรัพยากรและการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับประเทศไทย การผลิตข้าว อาจมีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว และอาจกลายเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนที่สุดในภูมิภาค ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นและปริมาณน้ำฝนที่ลดลงจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อป่าไม้เขตร้อนของไทย ทำให้ระบบนิเวศเสียหายใหญ่หลวง
รายงานฉบับนี้ แนะนำให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แก้ปัญหาภัยคุกคาม ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและวิกฤตทางการเงินควบคู่กันไป โดยรวมแผนกระตุ้นด้านสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการเงิน เช่น เพิ่มทางเลือกในการบรรเทาปัญหาภาคพลังงาน และบริหารการใช้ทรัพยากรและการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับประเทศไทย การผลิตข้าว อาจมีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว และอาจกลายเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนที่สุดในภูมิภาค ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นและปริมาณน้ำฝนที่ลดลงจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อป่าไม้เขตร้อนของไทย ทำให้ระบบนิเวศเสียหายใหญ่หลวง
