จากการรายงานตัวเลขฐานะทุนสำรองทางการระหว่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ช่วงที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงวันที่ 8-15 เมษายน หรือช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ทุนสำรองทางการของประเทศได้ปรับตัวลดลงตามภาวะความไม่เชื่อมั่น ทั้งนี้ ธปท.ประกาศปริมาณเงินทุนสำรองทางการระหว่างประเทศล่าสุด ณ วันที่ 17 เมษายน มีทั้งสิ้น 115,713.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 953.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 33,845.35 ล้านบาท (35.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับวันที่ 3 เมษายน ซึ่งเป็นสัปดาห์ก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง เงินทุนสำรองทางการระหว่างประเทศอยู่ที่ 116,667.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม การลดลงของทุนสำรองทางการในช่วงดังกล่าว ไม่ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตามไปด้วย โดยในช่วง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 3-17 เม.ย. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเพียง 0.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น
ด้านนางดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวถึงแนวโน้มการเคลื่อนย้ายเงินทุนในช่วงต่อไปว่า ถึงแม้ในเรื่องความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศจะได้รับผลกระทบจากปัญหาภายในประเทศบ้าง แต่การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศออกไปนั้น เกิดขึ้นจากผลของวิกฤตเศรษฐกิจในต่างประเทศ ซึ่งนักลงทุนจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแทน ซึ่งในส่วนของไทยไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ประเทศไทยน่าจะได้รับผลจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกไปไม่มาก ในขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี การนำเงินมาลงทุนใหม่ในประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาติก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ดังนั้น แนวโน้มในช่วงต่อไป การไหลเข้าและออกของเงินต่างประเทศคงไม่ผันผวนมาก
อย่างไรก็ตาม หากมองแนวโน้มจากเม็ดเงินการส่งออกสุทธิจะพบว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้มูลค่าการส่งออกของไทยจะปรับลดลงมาก แต่การนำเข้าของไทยลดลงมากกว่า ทำให้ดุลการค้าของไทยยังคงเป็นบวก และมีเงินไหลเข้าจากส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง โดย ธปท.คาดว่าทั้งปี 2552 ดุลการค้าของไทยจะเกินดุล ระหว่าง 10,500-13,5000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม การลดลงของทุนสำรองทางการในช่วงดังกล่าว ไม่ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตามไปด้วย โดยในช่วง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 3-17 เม.ย. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเพียง 0.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น
ด้านนางดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวถึงแนวโน้มการเคลื่อนย้ายเงินทุนในช่วงต่อไปว่า ถึงแม้ในเรื่องความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศจะได้รับผลกระทบจากปัญหาภายในประเทศบ้าง แต่การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศออกไปนั้น เกิดขึ้นจากผลของวิกฤตเศรษฐกิจในต่างประเทศ ซึ่งนักลงทุนจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแทน ซึ่งในส่วนของไทยไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ประเทศไทยน่าจะได้รับผลจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกไปไม่มาก ในขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี การนำเงินมาลงทุนใหม่ในประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาติก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ดังนั้น แนวโน้มในช่วงต่อไป การไหลเข้าและออกของเงินต่างประเทศคงไม่ผันผวนมาก
อย่างไรก็ตาม หากมองแนวโน้มจากเม็ดเงินการส่งออกสุทธิจะพบว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้มูลค่าการส่งออกของไทยจะปรับลดลงมาก แต่การนำเข้าของไทยลดลงมากกว่า ทำให้ดุลการค้าของไทยยังคงเป็นบวก และมีเงินไหลเข้าจากส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง โดย ธปท.คาดว่าทั้งปี 2552 ดุลการค้าของไทยจะเกินดุล ระหว่าง 10,500-13,5000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ