กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ (IMF) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะหดตัวลงร้อยละ 1.3 เนื่องจากวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงกว่าที่คาดไว้ อีกทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ตกต่ำอย่างหนัก ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรงและมีอนาคตที่ไม่แน่นอน
ไอเอ็มเอฟยังประเมินด้วยว่า เศรษฐกิจโลกกำลังดำดิ่งลงสู่สภาวะถดถอยที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้ที่ไอเอ็มเอฟปรับลดการคาดการณ์เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก นอกจากนี้ ยังได้ลดประมาณการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้าลงอีกเกือบ 1% ซึ่งไอเอ็มเอฟเชื่อว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเติบโตอย่างเฉื่อยๆ เพียงร้อยละ 1.9
ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้จะหดตัวลงร้อยละ 2.8 ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัวลงถึงร้อยละ 6.2 ส่วนเศรษฐกิจของประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) จะติดลบร้อยละ 4.2 เศรษฐกิจของอังกฤษจะติดลบร้อยละ 4.1 และรัสเซียติดลบร้อยละ 6.0 ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีน และอินเดีย ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดประมาณการเจริญเติบโตลงมาเหลือร้อยละ 6.5 และ 4.5 ตามลำดับ
ไอเอ็มเอฟยังประเมินด้วยว่า เศรษฐกิจโลกกำลังดำดิ่งลงสู่สภาวะถดถอยที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้ที่ไอเอ็มเอฟปรับลดการคาดการณ์เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก นอกจากนี้ ยังได้ลดประมาณการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้าลงอีกเกือบ 1% ซึ่งไอเอ็มเอฟเชื่อว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเติบโตอย่างเฉื่อยๆ เพียงร้อยละ 1.9
ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้จะหดตัวลงร้อยละ 2.8 ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัวลงถึงร้อยละ 6.2 ส่วนเศรษฐกิจของประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) จะติดลบร้อยละ 4.2 เศรษฐกิจของอังกฤษจะติดลบร้อยละ 4.1 และรัสเซียติดลบร้อยละ 6.0 ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีน และอินเดีย ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดประมาณการเจริญเติบโตลงมาเหลือร้อยละ 6.5 และ 4.5 ตามลำดับ
