เอเอฟพี – รัฐมนตรีนโยบายเศรษฐกิจและงบประมาณของญี่ปุ่น ชี้ ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียหดตัวลงอย่างแรงในไตรมาสที่ 4 เมื่อปี 2008
คาโอรุ โยซาโน รัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจและงบประมาณ เผยว่า “นี่เป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยประสบมาในช่วงหลังสงครามโลก”
เขากล่าวในการแถลงข่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งเติบโตด้วยการพึ่งพาการส่งออกรถยนต์ เครื่องจักร และอุปกรณ์ไอทีได้รับผลกระทบอย่างจริงจัง โดยเสริมว่าเศรษฐกิจของประเทศจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ จนกว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น
“ญี่ปุ่นเพียงประเทศเดียวไม่สามารถฟื้นตัวได้ เศรษฐกิจไม่มีพรมแดน มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเราที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศใหม่สำหรับประเทศอื่นๆ” เขากล่าว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียหดตัวลง 3.3% ใน 3 เดือนสุดท้ายของปี 2008 จากไตรมาสก่อนหน้านั้น ทำให้การหดตัวตลอดทั้งปีเป็น 12.7% ขณะที่การส่งออก และผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมลดลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก
นี่เป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นติดลบ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งแรกในรอบ 7 ปี
การส่งออกตกลง 13.9% จากไตรมาสที่ 3 เนื่องจากความอุปสงค์ในการซื้อรถ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าประเภทอื่นๆ ของญี่ปุ่นตกต่ำลงอย่างมาก
ส่วนการลงทุนภาคธุรกิจในโรงงาน และการประกอบการก็ตกลง 5.3% ขณะที่บริษัททั้งหลายพากันลดค่าใช้จ่าย เพื่อพยุงบริษัทเอาไว้ให้ผ่านพ้นช่วงเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนก็ลดลง 0.4% เนื่องจากผู้บริโภคต้องรัดเข็มขัดกันแน่น หลังถูกเลิกจ้าง หรือลดการจ้างงาน
สำหรับตัวเลขดังกล่าวนั้นร้ายแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์การหดตัวรายปีโดยเฉลี่ยไว้ที่ 11.6% ถือเป็นภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่ปี 1974 เมื่อครั้งประเทศสั่นคลอนจากวิกฤตน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม โยซาโน เสริมว่า รัฐบาลจะพิจารณามาตรการกระตุ้นเพื่อฟื้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอีกครั้ง