รมว.เศรษฐกิจญี่ปุ่น ยอมรับ ญี่ปุ่นกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงสุดนับแต่สิ้นสุดสงครามโลก ส่งผลให้รัฐบาลต้องเร่งอนุมัติงบประมาณ 88.5 ล้านล้านเยน เผยต้นตอ ศก.ญี่ปุ่นเสียหายหนักกว่าสหรัฐและยุโรป เนื่องจากญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์น้อยกว่า ส่งผลให้เงินเยนยังแข็งค่า ทำให้ภาคการส่งออกของประเทศเสียหายหนัก
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายคาโอรุ โยซาโนะ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่น ได้ออกมาเปิดเผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวกว่า 12.7% ในช่วงเดือนตุลาคม 2551 ถึงเดือนธันวาคม 2551 ซึ่งถือเป็นอัตราที่เร็วสุดในรอบ 35 ปี หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการส่งออก
นายโยซาโนะ กล่าวว่า ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้รัฐบาลต้องเร่งอนุมัติงบประมาณ 88.5 ล้านล้านเยน สำหรับปีงบประมาณ 2552 พร้อมส่งสัญญาณว่า รัฐบาลอาจต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังหดตัวลงในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2552 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัวลง 4 ไตรมาสติดต่อกันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลก
นายยูอิจิ โคดามะ นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท เมจิ ยาสุดะ ไลฟ์ อินชัวแรนซ์ กล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีที่ย่ำแย่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังทรุดเร็วสุดเป็นประวัติการณ์ อันเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างหนักหลังการล่มสลายของธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอย่าง เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อิงค์
นายโคดามะ กล่าวยืนยันว่า เป็นที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า จีดีพีในเดือนมกราคม-มีนาคม 2552 ของญี่ปุ่นจะหดตัวลงอย่างมาก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังถดถอยหนักสุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอัตราการถดถอยจะเริ่มช้าลงในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยถึงขีดสุดแล้ว
นายโคดามะ กล่าวเพิ่มเติมว่าว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้รับความเสียหายมากกว่าเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป เนื่องจากญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์น้อยกว่า ส่งผลให้เงินเยนยังแข็งค่า ทำให้ภาคการส่งออกของประเทศเสียหายหนัก
โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ภาคการส่งออกของญี่ปุ่นร่วงลงกว่า 13.9% หลังยอดส่งออกยานยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ร่วงหนัก ทั้งนี้ ภาคการส่งออกของญี่ปุ่นมีสัดส่วนเกือบ 20% ของจีดีพีของประเทศ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายคาโอรุ โยซาโนะ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่น ได้ออกมาเปิดเผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวกว่า 12.7% ในช่วงเดือนตุลาคม 2551 ถึงเดือนธันวาคม 2551 ซึ่งถือเป็นอัตราที่เร็วสุดในรอบ 35 ปี หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการส่งออก
นายโยซาโนะ กล่าวว่า ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้รัฐบาลต้องเร่งอนุมัติงบประมาณ 88.5 ล้านล้านเยน สำหรับปีงบประมาณ 2552 พร้อมส่งสัญญาณว่า รัฐบาลอาจต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังหดตัวลงในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2552 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัวลง 4 ไตรมาสติดต่อกันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลก
นายยูอิจิ โคดามะ นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท เมจิ ยาสุดะ ไลฟ์ อินชัวแรนซ์ กล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีที่ย่ำแย่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังทรุดเร็วสุดเป็นประวัติการณ์ อันเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างหนักหลังการล่มสลายของธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอย่าง เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อิงค์
นายโคดามะ กล่าวยืนยันว่า เป็นที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า จีดีพีในเดือนมกราคม-มีนาคม 2552 ของญี่ปุ่นจะหดตัวลงอย่างมาก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังถดถอยหนักสุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอัตราการถดถอยจะเริ่มช้าลงในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยถึงขีดสุดแล้ว
นายโคดามะ กล่าวเพิ่มเติมว่าว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้รับความเสียหายมากกว่าเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป เนื่องจากญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์น้อยกว่า ส่งผลให้เงินเยนยังแข็งค่า ทำให้ภาคการส่งออกของประเทศเสียหายหนัก
โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ภาคการส่งออกของญี่ปุ่นร่วงลงกว่า 13.9% หลังยอดส่งออกยานยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ร่วงหนัก ทั้งนี้ ภาคการส่งออกของญี่ปุ่นมีสัดส่วนเกือบ 20% ของจีดีพีของประเทศ