นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวระหว่างร่วมการเสวนาของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กับก้าวที่ 2 ของการพัฒนาธรรมาภิบาล โดยยอมรับว่า ป.ป.ช.ต้องทำงานอย่างเคร่งเครียด กรณีรับคดีมาจาก คตส.เพราะมีคนตั้งความหวังความคืบหน้าในการดำเนินคดี และทำให้ ป.ป.ช. ตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนัก ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ป.ป.ช.จึงต้องทำงานอย่างระมัดระวัง และต้องยอมรับด้วยว่า กระบวนการตรวจสอบขึ้นอยู่กับกระบวนการทางการเมืองด้วย อย่างไรก็ตาม ปัญหาและอุปสรรคของ ป.ป.ช.คือการไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จแบบ คตส.
นายวิชา ยังกล่าวด้วยว่า คดีที่ได้รับจาก คตส.หัวใจสำคัญอยู่ที่เอกสาร
ขณะที่นายสัก กอแสงเรือง อดีต คตส.ได้ตั้งข้อสังเกตจากการทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาสำนวนซึ่งมีความล่าช้า โดยเห็นว่าควรจะมีการตั้งอัยการพิเศษเข้ามาดูแลคดีอาญาของนักการเมืองโดยเฉพาะ และยังเห็นว่า อสส.ไม่ควรนั่งเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เพราะเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับบอร์ด การดำเนินคดีจะทำด้วยความยากลำบาก
นายวิชา ยังกล่าวด้วยว่า คดีที่ได้รับจาก คตส.หัวใจสำคัญอยู่ที่เอกสาร
ขณะที่นายสัก กอแสงเรือง อดีต คตส.ได้ตั้งข้อสังเกตจากการทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาสำนวนซึ่งมีความล่าช้า โดยเห็นว่าควรจะมีการตั้งอัยการพิเศษเข้ามาดูแลคดีอาญาของนักการเมืองโดยเฉพาะ และยังเห็นว่า อสส.ไม่ควรนั่งเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เพราะเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับบอร์ด การดำเนินคดีจะทำด้วยความยากลำบาก