นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เพื่อให้สินค้าเกษตรส่งออกของไทยได้รับการยอมรับจากตลาดต่างประเทศ ตรงตามมาตรฐานสากลที่ปลอดภัยจากสารเคมี และเป็นการเพิ่มปริมาณการส่งออกผัก ผลไม้ และกล้วยไม้สดของไทย ไปสู่ตลาดใหม่ๆ นอกเหนือจากตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย และจีน สามารถดึงเม็ดเงินในภาคการเกษตร ทดแทนอุตสาหกรรมในภาคการส่งออกอื่นแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าของเกษตรกรที่มีปัญหา ในแต่ละปีได้อีกด้วย
นายชาติชาย กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมมาตรฐานสินค้าเกษตร หรือ มกอช. ร่วมมือกันวางแนวทางผลิตสินค้าเกษตรที่ผลิตในประเทศไทยจากทั่วทุกภาคของประเทศ ให้ได้มาตรฐานตามที่ประชาคมโลกกำหนด โดยจากนี้ไป สินค้าเกษตรที่ส่งออกไปตลาดหลักของไทย จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานที่ปลอดภัยจากสารพิษ และไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ฟาร์มผลิต ซึ่งเป็นต้นทาง ไปจนถึงปลายทางที่มีการส่งออก เชื่อว่าหลังดำเนินการเป็นรูปธรรม จะทำให้การส่งออกผักปลอดสารพิษที่ปลูกใน จ.นครปฐม ส่งออกไปตลาดหลัก อย่างยุโรป ได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนกล้วยหอม ของสหกรณ์การเกษตรเพชรบุรี จะส่งออกไปญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นจากเดิม อีกเดือนละ 40 ตัน และกล้วยไม้สด ที่มีเป้าหมายส่งออกปีนี้ ได้กว่า 2,000 ล้านบาท จะขยายเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท ในปีหน้า
นายชาติชาย กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมมาตรฐานสินค้าเกษตร หรือ มกอช. ร่วมมือกันวางแนวทางผลิตสินค้าเกษตรที่ผลิตในประเทศไทยจากทั่วทุกภาคของประเทศ ให้ได้มาตรฐานตามที่ประชาคมโลกกำหนด โดยจากนี้ไป สินค้าเกษตรที่ส่งออกไปตลาดหลักของไทย จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานที่ปลอดภัยจากสารพิษ และไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ฟาร์มผลิต ซึ่งเป็นต้นทาง ไปจนถึงปลายทางที่มีการส่งออก เชื่อว่าหลังดำเนินการเป็นรูปธรรม จะทำให้การส่งออกผักปลอดสารพิษที่ปลูกใน จ.นครปฐม ส่งออกไปตลาดหลัก อย่างยุโรป ได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนกล้วยหอม ของสหกรณ์การเกษตรเพชรบุรี จะส่งออกไปญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นจากเดิม อีกเดือนละ 40 ตัน และกล้วยไม้สด ที่มีเป้าหมายส่งออกปีนี้ ได้กว่า 2,000 ล้านบาท จะขยายเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท ในปีหน้า