พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) กล่าวว่า ได้ปฏิเสธที่จะร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช. แต่ยอมรับว่าเคยพูดคุยกับคนใน นปช. และได้สอบถามถึงแนวทางการต่อสู้ รวมถึงแผนการทำงาน ซึ่งจากการพูดคุยทำให้รู้ว่าการเคลื่อนไหวของ นปช.ไม่มีแผนแต่อย่างใด เป็นการต่อสู้ไปวันๆ เพื่อให้สถานการณ์พาไป ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีทั้งทิศทางและแนวทาง และเห็นว่าการเคลื่อนไหวอยู่ใต้การควบคุมของแกนนำ 3 คน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ จึงทำให้ไม่เข้าร่วมด้วย เพราะเห็นถึงความไม่ถูกต้องในการเคลื่อนไหว และได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วถึงผลที่จะตามมาหากเคลื่อนไหวกันในลักษณะเช่นนี้
พล.อ.พัลลภ ได้แสดงความแปลกใจกับการก่อเหตุรุนแรงของ นปช.ที่ทำให้เกิดปัญหากับประชาชนในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ต้องพยายามดึงมวลชนมาเป็นพวกเพื่อสนับสนุน แต่กลับไปสร้างปัญหาจนเกิดการต่อต้านจากประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่แตกต่างจากการประท้วงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่ประชาชนในกรุงเทพฯ ได้ร่วมมือกันต่อต้านกองทัพ
ทางด้าน พล.ท.พิรัช สวามิวัสดิ์ อดีตเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ของ พล.อ.พัลลภ และเป็นคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของ นปช.ที่มุ่งก่อเหตุจลาจล และทำความเดือดร้อนให้ประชาชน เป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้การเคลื่อนไหวไม่ได้รับการสนับสนุน และยอมรับว่า ในช่วงเกิดเหตุวุ่นวายมีความพยายามติดต่อกับ พล.อ.ชวลิต แต่ พล.อ.ชวลิต ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมกำชับไม่ให้คนใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ทั้ง พล.อ.พัลลภ และ พล.ท.พิรัช ยอมรับว่า ยุทธวิธีของกองทัพที่สลายการชุมนุมด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมประท้วง จนไม่เกิดการสูญเสียชีวิต มีส่วนทำให้สถานการณ์ไม่ลุกลามขยายตัวจนไม่สามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ระหว่างเกิดเหตุวุ่นวายตลอดช่วงวันจันทร์ที่ 13 เมษายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้แจ้งผ่านคนสนิทให้จับตาการเคลื่อนไหวของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง พร้อมกำชับไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ นปช. เพราะมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าได้ร่วมเคลื่อนไหว แต่มีรายงานยืนยันว่า พล.ต.ขัตติยะ ไปท่องเที่ยวยุโรปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้
พล.อ.พัลลภ ได้แสดงความแปลกใจกับการก่อเหตุรุนแรงของ นปช.ที่ทำให้เกิดปัญหากับประชาชนในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ต้องพยายามดึงมวลชนมาเป็นพวกเพื่อสนับสนุน แต่กลับไปสร้างปัญหาจนเกิดการต่อต้านจากประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่แตกต่างจากการประท้วงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่ประชาชนในกรุงเทพฯ ได้ร่วมมือกันต่อต้านกองทัพ
ทางด้าน พล.ท.พิรัช สวามิวัสดิ์ อดีตเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ของ พล.อ.พัลลภ และเป็นคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของ นปช.ที่มุ่งก่อเหตุจลาจล และทำความเดือดร้อนให้ประชาชน เป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้การเคลื่อนไหวไม่ได้รับการสนับสนุน และยอมรับว่า ในช่วงเกิดเหตุวุ่นวายมีความพยายามติดต่อกับ พล.อ.ชวลิต แต่ พล.อ.ชวลิต ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมกำชับไม่ให้คนใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ทั้ง พล.อ.พัลลภ และ พล.ท.พิรัช ยอมรับว่า ยุทธวิธีของกองทัพที่สลายการชุมนุมด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมประท้วง จนไม่เกิดการสูญเสียชีวิต มีส่วนทำให้สถานการณ์ไม่ลุกลามขยายตัวจนไม่สามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ระหว่างเกิดเหตุวุ่นวายตลอดช่วงวันจันทร์ที่ 13 เมษายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้แจ้งผ่านคนสนิทให้จับตาการเคลื่อนไหวของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง พร้อมกำชับไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ นปช. เพราะมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าได้ร่วมเคลื่อนไหว แต่มีรายงานยืนยันว่า พล.ต.ขัตติยะ ไปท่องเที่ยวยุโรปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้
