บทนำหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ เรื่อง "หมดเวลาโวหารของอภิสิทธิ์" เห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา บอกให้สังคมเห็นว่าแม้รัฐบาลจะมีอำนาจในการบริหารประเทศ แต่ไม่สามารถปกครองประเทศได้ พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีหยุดการใช้โวหารเป็นข้ออ้างต่างๆ เพราะไม่ได้ช่วยในการแก้ไขปัญหา และการชี้แจงว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ กระทำต่อผู้ประท้วงที่เมืองพัทยา บอกให้เห็นถึงการที่รัฐบาลไม่ได้กระทำการใดๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงภาวะผู้นำในการแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นด้วย
ขณะที่บทวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ "เสื้อแดงเหิมเกริม รัฐบาล ตำรวจ ทหาร ไร้น้ำยา พลังต้านของสีเสื้อใหม่" กล่าววิจารณ์การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของตำรวจและทหาร ในการปฏิบัติหน้าที่ สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของกลไกรัฐในการทำหน้าที่ที่สอดรับกับนโยบายรัฐบาล ที่ไม่ต้องการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขสถานการณ์ และเห็นว่า การออกมาของคนเสื้อสีน้ำเงินที่มีคนในรัฐบาลเกี่ยวข้อง เพื่อทำหน้าที่สกัดการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง มีส่วนทำให้สถานการณ์ลุกลามออกไป และยังเห็นว่า การประกาศใช้พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล ไม่ได้ช่วยคลี่คลาย พร้อมแสดงความกังวลถึงโอกาสที่จะเกิดการปะทะกันในต่างจังหวัด ระหว่างคนเสื้อแดงกับคนเสื้อต่างสีที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ส่วนบทวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์ มติชน ในหัวเรื่อง "ศึกทักษิณปะทะอมาตย์ หมดเวลาเจรจา ไทยเดือดร้อน ไทยหายนะ" ตั้งข้อสังเกตถึงแนวทางรัฐบาลที่จะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ว่า การบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงได้ และเห็นว่า การเผชิญหน้าทางการเมืองที่เป็นอยู่ระหว่างรัฐบาลกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แม้ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ แต่สังคมไทยโดยรวมได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความเป็นห่วงที่สถานการณ์มีแนวโน้มขยายตัวรุนแรงออกไปสู่ความหายนะได้
ขณะที่อีกบทวิเคราะห์หนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เสนอให้ใช้ช่องทางรัฐสภาแก้ปัญหา เพราะเห็นว่า สถานการณ์เช่นนี้ คนที่เป็นผู้แทนปวงชนต้องตระหนักว่ามีผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน และกระทบภาพลักษณ์ประเทศ และเห็นว่า คนที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยต้องใช้เวทีสภาฯเป็นที่ประชุมเพื่อหาทางออกคลี่คลายวิกฤต และได้ย้ำในตอนท้ายว่า เมื่อประเทศยังมีรัฐธรรมนูญบังคับใช้ ส.ส.ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องทำหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติ
ขณะที่บทวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ "เสื้อแดงเหิมเกริม รัฐบาล ตำรวจ ทหาร ไร้น้ำยา พลังต้านของสีเสื้อใหม่" กล่าววิจารณ์การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของตำรวจและทหาร ในการปฏิบัติหน้าที่ สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของกลไกรัฐในการทำหน้าที่ที่สอดรับกับนโยบายรัฐบาล ที่ไม่ต้องการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขสถานการณ์ และเห็นว่า การออกมาของคนเสื้อสีน้ำเงินที่มีคนในรัฐบาลเกี่ยวข้อง เพื่อทำหน้าที่สกัดการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง มีส่วนทำให้สถานการณ์ลุกลามออกไป และยังเห็นว่า การประกาศใช้พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล ไม่ได้ช่วยคลี่คลาย พร้อมแสดงความกังวลถึงโอกาสที่จะเกิดการปะทะกันในต่างจังหวัด ระหว่างคนเสื้อแดงกับคนเสื้อต่างสีที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ส่วนบทวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์ มติชน ในหัวเรื่อง "ศึกทักษิณปะทะอมาตย์ หมดเวลาเจรจา ไทยเดือดร้อน ไทยหายนะ" ตั้งข้อสังเกตถึงแนวทางรัฐบาลที่จะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ว่า การบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงได้ และเห็นว่า การเผชิญหน้าทางการเมืองที่เป็นอยู่ระหว่างรัฐบาลกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แม้ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ แต่สังคมไทยโดยรวมได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความเป็นห่วงที่สถานการณ์มีแนวโน้มขยายตัวรุนแรงออกไปสู่ความหายนะได้
ขณะที่อีกบทวิเคราะห์หนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เสนอให้ใช้ช่องทางรัฐสภาแก้ปัญหา เพราะเห็นว่า สถานการณ์เช่นนี้ คนที่เป็นผู้แทนปวงชนต้องตระหนักว่ามีผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน และกระทบภาพลักษณ์ประเทศ และเห็นว่า คนที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยต้องใช้เวทีสภาฯเป็นที่ประชุมเพื่อหาทางออกคลี่คลายวิกฤต และได้ย้ำในตอนท้ายว่า เมื่อประเทศยังมีรัฐธรรมนูญบังคับใช้ ส.ส.ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องทำหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติ
