นายกิตติคุณ หรือนายเจมส์ แจ่มครุฑ อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางพร้อมนายพงศ์พัฒน์ โคกชู และนายวิชิต โต๊ะทอง เข้าแจ้งความกับร.ต.ท.พิสุทธิ์ สุกระศร สารวัตรเวร สภ.บางสะพาน ว่า ได้ถูกนายวิฑูรย์ บัวโรย แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ทำร้ายร่างกายโดยการตบหน้าและใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ เหตุเกิดบริเวณร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ หมู่ 1 ต.แม่รำพึง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธที่จะรับแจ้งความ
นายกิตติคุณ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะตนขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าไปทางโรงเรียนดอนสำราญ ระหว่างทางได้พบกับเพื่อนที่เพิ่งจะเลิกงานมาจึงได้ขับรถตามเพื่อนมายังสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถ และเห็นนายวิฑูรย์ บัวโรย เดินเข้ามาด้านในแล้ว บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยแต่ตนไม่ได้ตอบหรือสนทนาใดๆ โดยเดินไปขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยอยู่ในกลุ่มอนุรักษ์แต่ปัจจุบันไม่ได้เกี่ยวข้องแล้วจึงไม่อยากสนทนาด้วย แต่เมื่อขับไปได้ประมาณ 2 นาที ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5–6 นัด ตนจึงหันกลับไปดู เห็นนายวิฑูรย์ ยืนถือปืนอยู่ ก็ไม่ได้สนใจอะไรขับรถต่อไปจนถึงบ้านเพื่อนและนั่งทานข้าวกับเพื่อนประมาณ 1 ชั่วโมงก็ขับรถกลับมาที่เกิดเหตุอีก
เมื่อนายวิฑูรย์ เห็นก็เดินเข้ามาถามตนว่าใครเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์ก่อกวน ตนยังไม่ทันตอบอะไรนายวิฑูรย์ก็ตบหน้าตนอย่างแรง ซึ่งตนได้ถามกลับไปว่ามาทำร้ายตนทำไม นายวิฑูรย์บอกว่าเป็นการสั่งสอน ตนก็วิ่งหนี นายวิฑูรย์วิ่งตามไปเมื่อจะทำร้ายตนอีกแต่ตามไม่ทันจึงชักปืนออกมาแล้วขู่ตนว่าถ้าวิ่งหนีอีกจะยิง ตนจึงหยุดวิ่ง เพราะกลัวว่านายวิฑูรย์ จะทำจริงๆ นายวิฑูรย์จึงตบอีกครั้ง จากนั้นมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามาห้ามและนายวิฑูรย์ก็บอกกับชาวบ้านว่านี้เป็นการสั่งสอน
นายกิตติคุณ กล่าวว่า หลังจากนั้นยายของตนได้ไปสอบถามนายวิฑูรย์ถึงสาเหตุ และได้รับคำตอบจากนายวิฑูรย์ว่า เป็นการสั่งสอนให้เด็กมันจำ โดยอ้างว่า ตนได้ไปถ่มน้ำลายใส่หน้าสถานีวิทยุและขับรถมอเตอร์ไซค์ก่อกวน
ร.ต.ท.พิสุทธิ์ สุกขะศร กล่าวว่า ได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถรับแจ้งความได้ เนื่องจากเจ้าทุกข์มีอายุเพียง 15 ปี ต้องให้ผู้ปกครองเป็นผู้แจ้งความแทน
นายกิตติคุณ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะตนขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าไปทางโรงเรียนดอนสำราญ ระหว่างทางได้พบกับเพื่อนที่เพิ่งจะเลิกงานมาจึงได้ขับรถตามเพื่อนมายังสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถ และเห็นนายวิฑูรย์ บัวโรย เดินเข้ามาด้านในแล้ว บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยแต่ตนไม่ได้ตอบหรือสนทนาใดๆ โดยเดินไปขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยอยู่ในกลุ่มอนุรักษ์แต่ปัจจุบันไม่ได้เกี่ยวข้องแล้วจึงไม่อยากสนทนาด้วย แต่เมื่อขับไปได้ประมาณ 2 นาที ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5–6 นัด ตนจึงหันกลับไปดู เห็นนายวิฑูรย์ ยืนถือปืนอยู่ ก็ไม่ได้สนใจอะไรขับรถต่อไปจนถึงบ้านเพื่อนและนั่งทานข้าวกับเพื่อนประมาณ 1 ชั่วโมงก็ขับรถกลับมาที่เกิดเหตุอีก
เมื่อนายวิฑูรย์ เห็นก็เดินเข้ามาถามตนว่าใครเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์ก่อกวน ตนยังไม่ทันตอบอะไรนายวิฑูรย์ก็ตบหน้าตนอย่างแรง ซึ่งตนได้ถามกลับไปว่ามาทำร้ายตนทำไม นายวิฑูรย์บอกว่าเป็นการสั่งสอน ตนก็วิ่งหนี นายวิฑูรย์วิ่งตามไปเมื่อจะทำร้ายตนอีกแต่ตามไม่ทันจึงชักปืนออกมาแล้วขู่ตนว่าถ้าวิ่งหนีอีกจะยิง ตนจึงหยุดวิ่ง เพราะกลัวว่านายวิฑูรย์ จะทำจริงๆ นายวิฑูรย์จึงตบอีกครั้ง จากนั้นมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามาห้ามและนายวิฑูรย์ก็บอกกับชาวบ้านว่านี้เป็นการสั่งสอน
นายกิตติคุณ กล่าวว่า หลังจากนั้นยายของตนได้ไปสอบถามนายวิฑูรย์ถึงสาเหตุ และได้รับคำตอบจากนายวิฑูรย์ว่า เป็นการสั่งสอนให้เด็กมันจำ โดยอ้างว่า ตนได้ไปถ่มน้ำลายใส่หน้าสถานีวิทยุและขับรถมอเตอร์ไซค์ก่อกวน
ร.ต.ท.พิสุทธิ์ สุกขะศร กล่าวว่า ได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถรับแจ้งความได้ เนื่องจากเจ้าทุกข์มีอายุเพียง 15 ปี ต้องให้ผู้ปกครองเป็นผู้แจ้งความแทน