ตุลาการศาลปกครองสูงสุดได้ออกนั่งบัลลังค์อ่านคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้องกรณีนายรุ่งโรจน์ สวัสดิ์เลี่ยมสาร และพวกรวม 10 คน ที่เป็นผู้ค้าในตลาดคลองเตย ยื่นฟ้องการท่าเรือแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีขอให้ศาลเพิกถอนประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่องการประมูลโครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดคลองเตย ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2551 และการดำเนินการใดๆ ภายหลังการประมูลตามโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดระบุว่า แม้การท่าเรือฯ จะเป็นหน่วยงานทางปกครองที่อาจถูกยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ แต่การที่การท่าเรือฯ และผู้อำนวยการการฯ ออกประกาศเรื่องการประมูลโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณตลาดคลองเตย ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2551 มีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการ พัฒนาพื้นที่เป็นตลาดและส่วนประกอบของตลาดที่ทันสมัย สะอาด และปลอดภัย อันมีลักษณะดำเนินการในเชิงพาณิชย์ ดังเช่นผู้ประกอบกิจการธุรกิจทั่วไป จึงไม่ใช่การใช้อำนาจทางปกครองที่เป็นคำสั่งทางปกครองหรือการดำเนินกิจการทางปกครองแต่อย่างใด คดีนี้จึงไม่ใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งของศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรค 1 (1) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 คำร้องอุทธรณ์ของนายรุ่งโรจน์และพวกในส่วนนี้ จึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่นายรุ่งโรจน์ และพวก อุทธรณ์ว่า ศาลปกครองกลางไม่ได้วินิจฉัยคำขอที่ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งตามคำขอท้ายฟ้องอีกหลายประการนั้น ตุลาการศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คำขอท้ายคำฟ้องอื่นๆ ล้วนเป็นคำขอปลีกย่อยจากคำฟ้องและคำขอหลักในคดีดังที่ได้วินิจฉัยแล้ว ดังนั้น การที่ศาลปกครองกลางได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำฟ้องหลักเพียงประการเดียวและวินิจฉัยคดีดังกล่าวเป็นดุลพินิจโดยชอบแล้ว คำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องในส่วนนี้จึงฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดระบุว่า แม้การท่าเรือฯ จะเป็นหน่วยงานทางปกครองที่อาจถูกยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ แต่การที่การท่าเรือฯ และผู้อำนวยการการฯ ออกประกาศเรื่องการประมูลโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณตลาดคลองเตย ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2551 มีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการ พัฒนาพื้นที่เป็นตลาดและส่วนประกอบของตลาดที่ทันสมัย สะอาด และปลอดภัย อันมีลักษณะดำเนินการในเชิงพาณิชย์ ดังเช่นผู้ประกอบกิจการธุรกิจทั่วไป จึงไม่ใช่การใช้อำนาจทางปกครองที่เป็นคำสั่งทางปกครองหรือการดำเนินกิจการทางปกครองแต่อย่างใด คดีนี้จึงไม่ใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งของศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรค 1 (1) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 คำร้องอุทธรณ์ของนายรุ่งโรจน์และพวกในส่วนนี้ จึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่นายรุ่งโรจน์ และพวก อุทธรณ์ว่า ศาลปกครองกลางไม่ได้วินิจฉัยคำขอที่ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งตามคำขอท้ายฟ้องอีกหลายประการนั้น ตุลาการศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คำขอท้ายคำฟ้องอื่นๆ ล้วนเป็นคำขอปลีกย่อยจากคำฟ้องและคำขอหลักในคดีดังที่ได้วินิจฉัยแล้ว ดังนั้น การที่ศาลปกครองกลางได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำฟ้องหลักเพียงประการเดียวและวินิจฉัยคดีดังกล่าวเป็นดุลพินิจโดยชอบแล้ว คำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องในส่วนนี้จึงฟังไม่ขึ้นเช่นกัน