กลุ่มผู้ค้าใหม่ที่เพิ่งชำระค่าเช่าแผงค้าในตลาดคลองเตย นำโดยนางพนิดา ณ นคร เข้าขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกร้อง 2 ข้อคือ ให้ตำรวจเข้าตรวจสอบอาวุธชายฉกรรจ์ของกลุ่มผู้มีอิทธิพลเดิมในตลาดคลองเตย และให้รื้อเต็นท์ของผู้ค้าที่ไม่ยอมจ่ายค่าเช่าแผง เพราะไม่สามารถค้าขายได้ พร้อมให้ข้อมูลว่า ค่าเช่าแผงของ บริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจากการท่าเรือฯ รายใหม่ ถูกกว่าค่าเช่าเดิมคือ จาก 3 แผง คิด 15,000 บาทต่อเดือน เหลือเพียง 11,550 บาท
นางพนิดา ยังบอกสาเหตุที่กลุ่มผู้ค้าเดิมไม่ยอมจ่ายค่าเช่าแผง เพราะมีความสนิทสนมผู้มีอิทธิพลรายหนึ่ง ที่คอยเก็บค่าเช่าให้ผู้รับสัมปทานเดิม
ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ รับข้อร้องเรียนไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และสั่งห้ามตำรวจไปรับจ้างเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แม้จะนอกเวลาราชการ
นอกจากนี้ยังลงนามในคำสั่งให้ พ.ต.อ.สมชาย ภัทรอินโต รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 มาช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล 15 วัน เนื่องจากไม่รายงานเหตุทำร้ายร่างกายกันในตลาดเช้าวานนี้ ทำให้รองนายกรัฐมนตรีตำหนิการทำงาน โดยให้ พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการ ทำหน้าที่แทน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด หากใครทำผิดต้องดำเนินการ ซึ่งเชื่อว่าตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าเรือไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของการขัดแย้งผลประโยชน์
ส่วนในช่วงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยคลองเตยไม่ได้เข้าระงับเหตุ เพราะในช่วงนั้นมีตำรวจเพียง 4 -5 นาย ขณะที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์มีเป็นจำนวนมาก จึงต้องรอระยะเวลา
นางพนิดา ยังบอกสาเหตุที่กลุ่มผู้ค้าเดิมไม่ยอมจ่ายค่าเช่าแผง เพราะมีความสนิทสนมผู้มีอิทธิพลรายหนึ่ง ที่คอยเก็บค่าเช่าให้ผู้รับสัมปทานเดิม
ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ รับข้อร้องเรียนไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และสั่งห้ามตำรวจไปรับจ้างเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แม้จะนอกเวลาราชการ
นอกจากนี้ยังลงนามในคำสั่งให้ พ.ต.อ.สมชาย ภัทรอินโต รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 มาช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล 15 วัน เนื่องจากไม่รายงานเหตุทำร้ายร่างกายกันในตลาดเช้าวานนี้ ทำให้รองนายกรัฐมนตรีตำหนิการทำงาน โดยให้ พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการ ทำหน้าที่แทน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด หากใครทำผิดต้องดำเนินการ ซึ่งเชื่อว่าตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าเรือไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของการขัดแย้งผลประโยชน์
ส่วนในช่วงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยคลองเตยไม่ได้เข้าระงับเหตุ เพราะในช่วงนั้นมีตำรวจเพียง 4 -5 นาย ขณะที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์มีเป็นจำนวนมาก จึงต้องรอระยะเวลา
