วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีเลือกตั้ง หมายเลขดำ ลต 43/2551 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นผู้ร้อง นายนพดล พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 3 พรรคเพื่อแผ่นดิน กับนายกิติพงษ์ พรหมชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน เขต 3 ร้อยเอ็ด เป็นผู้คัดค้าน กรณีขอให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง
ศาลได้อ่านคำวินิจฉัยการกระทำของผู้คัดค้านทั้ง 2 คน ในข้อกล่าวหาที่ระบุว่า ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง คือ นายเอกภาพ พลซื่อ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ได้ช่วยผู้สมัครหาเสียง โดยจัดปราศรัยแล้วจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาฟังการปราศรัย ซึ่งผิดตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. พ.ศ. 2550 เมื่อวินิจฉัยพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วพบว่า มีเหตุอันควรเชื่อได้ตามข้อกล่าวหาว่ามีการแจกเงินให้กับผู้ที่มาฟังการปราศรัย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2550 ที่บ้านสวน จ.ร้อยเอ็ด ของนายเอกภาพ แม้วันดังกล่าวผู้คัดค้านทั้ง 2 คน ยังไม่ลงสมัครเลือกตั้ง แต่นายเอกภาพได้แนะนำตัวผู้คัดค้านทั้งสองในทำนองให้สนับสนุนเลือกตั้ง ซึ่งในวันดังกล่าว พ.ร.ก.เลือกตั้งฯ เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้แล้ว
ดังนั้น จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้คัดค้านทั้ง 2 คน กำหนดระยะเวลา 5 ปี และให้จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 3 ใหม่ 1 คน แทนนายนพดล โดยให้คำสั่งมีผลทันที และแจ้งไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
ภายหลังฟังคำสั่ง นายนพดล กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าและมีน้ำตาคลอว่า ยอมรับในคำสั่งศาล แต่รู้สึกผิดหวังในส่วนของพยานหลักฐานที่ตนมีความมั่นใจในการต่อสู้คดี จากนี้ไปยังคิดไม่ออกว่าจะวางอนาคตอย่างไร หรือจะกลับมาเล่นการเมืองหลังพ้น 5 ปี แต่จะกลับไปดูว่ายังสามารถกลับเข้าไปรับราชการเป็นปลัดอำเภอได้อีกหรือไม่ ส่วนจะมีใครลงสมัครเลือกตั้งแทน เป็นหน้าที่ของพรรคที่จะพิจารณา
ศาลได้อ่านคำวินิจฉัยการกระทำของผู้คัดค้านทั้ง 2 คน ในข้อกล่าวหาที่ระบุว่า ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง คือ นายเอกภาพ พลซื่อ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ได้ช่วยผู้สมัครหาเสียง โดยจัดปราศรัยแล้วจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาฟังการปราศรัย ซึ่งผิดตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. พ.ศ. 2550 เมื่อวินิจฉัยพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วพบว่า มีเหตุอันควรเชื่อได้ตามข้อกล่าวหาว่ามีการแจกเงินให้กับผู้ที่มาฟังการปราศรัย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2550 ที่บ้านสวน จ.ร้อยเอ็ด ของนายเอกภาพ แม้วันดังกล่าวผู้คัดค้านทั้ง 2 คน ยังไม่ลงสมัครเลือกตั้ง แต่นายเอกภาพได้แนะนำตัวผู้คัดค้านทั้งสองในทำนองให้สนับสนุนเลือกตั้ง ซึ่งในวันดังกล่าว พ.ร.ก.เลือกตั้งฯ เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้แล้ว
ดังนั้น จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งผู้คัดค้านทั้ง 2 คน กำหนดระยะเวลา 5 ปี และให้จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 3 ใหม่ 1 คน แทนนายนพดล โดยให้คำสั่งมีผลทันที และแจ้งไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
ภายหลังฟังคำสั่ง นายนพดล กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าและมีน้ำตาคลอว่า ยอมรับในคำสั่งศาล แต่รู้สึกผิดหวังในส่วนของพยานหลักฐานที่ตนมีความมั่นใจในการต่อสู้คดี จากนี้ไปยังคิดไม่ออกว่าจะวางอนาคตอย่างไร หรือจะกลับมาเล่นการเมืองหลังพ้น 5 ปี แต่จะกลับไปดูว่ายังสามารถกลับเข้าไปรับราชการเป็นปลัดอำเภอได้อีกหรือไม่ ส่วนจะมีใครลงสมัครเลือกตั้งแทน เป็นหน้าที่ของพรรคที่จะพิจารณา