วันนี้ (16 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นัดพร้อมครั้งสุดท้าย ที่บัลลังก์ 4 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.2248/49 ระหว่างนางอุดม ศตะกูระมะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายยงยุทธ ติยะไพรัช และพวก รวม 12 คน ฐานความผิดต่อชีวิต จากกรณีเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2547 เวลาก่อนเที่ยงคืน จำเลยทั้ง 12 คน กับพวกอีก 50 คน มีอาวุธปืนครบมือ ร่วมกันทำลายประตูรั้วบ้านเลขที่ 25/2 ม.4 ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร แล้วใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในบ้านดังกล่าวประมาณ 200 นัด โดยเจตนาฆ่า แต่โจทก์และนายนิสัย ศตะกูรมะ สามี ที่หลบอยู่หน้าตู้เย็นขนาด 18 คิว กระสุนปืนจึงไม่ถูกโจทก์และสามี แต่ทำให้ตู้เย็นที่ใช้เป็นที่กำบังพรุนเป็นรูกระสุนนับไม่ถ้วน โดยโจทก์ระบุว่า การยิงดังกล่าวเป็นการยิงโดยไม่มีเหตุอันควร
อีกทั้งจำเลยทั้งหมดกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้าน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข แล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับโจทก์และสามีให้นั่งรวมกัน จำเลยทั้งหมดกับพวกร่วมกันค้นหาสิ่งของผิดกฎหมายโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์และสามีได้รับความเสียหาย
การนัดพร้อมครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหากฝ่าโจทก์และจำเลยตกลงกันไม่ได้ ศาลจะนัดสืบพยานโจทก์ในทันที แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าโจทก์จะขอถอนฟ้อง
สำหรับผู้ที่ถูกนางอุดม ยื่นฟ้องประกอบด้วย นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำเลยที่ 1 พร้อมพวกอีก 11 คน ตกเป็นจำเลย ประกอบด้วย ร.ต.อ.มนู เศรษฐาจินดา พ.ต.ต.อาสาฬห์ ถมยา ว่าที่ พ.ต.อ.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ร.ต.อ.ชัชวาลย์ ทิพย์พิชัย จ.ส.ต.จักรภพ เทพเสนา พ.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ พล.ต.ท.ปรัชญา สุทธปรีดา และ พ.ต.ท.ปรีชา ชูตินันท์ (ยศในขณะนั้น)
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานและหลักฐานที่โจทก์ยื่นให้ เห็นว่ามีมูลจึงรับฟ้อง จำเลยรวม 8 คน คือจำเลยที่ 1, 2, 3, 4, 6, 7, 11 และ 12 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 90, 91, 288, 289, 309 วรรค 2 365 และ 157 แต่ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลย 4 คน คือ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ พ.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ และ พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ เพราะไม่มีพยานหลักฐานหรือมูลเหตุเพียงพอที่จะรับฟ้องทางคดี
อีกทั้งจำเลยทั้งหมดกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้าน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข แล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับโจทก์และสามีให้นั่งรวมกัน จำเลยทั้งหมดกับพวกร่วมกันค้นหาสิ่งของผิดกฎหมายโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์และสามีได้รับความเสียหาย
การนัดพร้อมครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหากฝ่าโจทก์และจำเลยตกลงกันไม่ได้ ศาลจะนัดสืบพยานโจทก์ในทันที แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าโจทก์จะขอถอนฟ้อง
สำหรับผู้ที่ถูกนางอุดม ยื่นฟ้องประกอบด้วย นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำเลยที่ 1 พร้อมพวกอีก 11 คน ตกเป็นจำเลย ประกอบด้วย ร.ต.อ.มนู เศรษฐาจินดา พ.ต.ต.อาสาฬห์ ถมยา ว่าที่ พ.ต.อ.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ร.ต.อ.ชัชวาลย์ ทิพย์พิชัย จ.ส.ต.จักรภพ เทพเสนา พ.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ พล.ต.ท.ปรัชญา สุทธปรีดา และ พ.ต.ท.ปรีชา ชูตินันท์ (ยศในขณะนั้น)
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานและหลักฐานที่โจทก์ยื่นให้ เห็นว่ามีมูลจึงรับฟ้อง จำเลยรวม 8 คน คือจำเลยที่ 1, 2, 3, 4, 6, 7, 11 และ 12 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 90, 91, 288, 289, 309 วรรค 2 365 และ 157 แต่ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลย 4 คน คือ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ พ.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ และ พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ เพราะไม่มีพยานหลักฐานหรือมูลเหตุเพียงพอที่จะรับฟ้องทางคดี