นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และผู้นำชาติยุโรปที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งร่วมประชุมฉุกเฉินสหภาพยุโรปที่มีขึ้นเมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ร่วมในแผนการตั้งกองทุน 241,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศยุโรปตะวันออกที่เป็นสมาชิกกลุ่มใหม่ๆ ของสหภาพยุโรป (อียู) ที่กำลังมีปัญหาอย่างหนัก เพราะค่าเงินที่อ่อนตัวจนทำให้หนี้เพิ่มขึ้น และคำสั่งผลิตสินค้าลดลง แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากผู้นำฮังการี โปแลนด์ สโลวะเกีย สาธารณรัฐเช็ก บัลแกเรีย และโรมาเนีย ก็ตาม
ขณะที่ประธานกรรมาธิการอียู ระบุว่า ประเทศยุโรปตะวันออกได้รับเงินช่วยเหลือไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์ ทั้งจากกองทุนฉุกเฉิน และกองทุนเงินกู้จากอียู และธนาคารโลก รวมทั้งสถาบันการเงินอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจัดทำแผนกู้วิกฤตฉบับใหม่ขึ้น แม้จะมีความเป็นไปได้ว่าชาติยุโรปตะวันออกอาจต้องใช้เงินกว่า 300,000 แสนล้านดอลลาร์ ในการกู้วิกฤตครั้งนี้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมจะยังคงยึดแนวทางความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รวมทั้งตกลงว่าแผนการกอบกู้สถาบันทางการเงินและอุตสาหกรรมรถยนต์ในแต่ละประเทศ จะต้องไม่เป็นการกีดกันทางการค้า หรือทำให้เศรษฐกิจชาติสมาชิกเสียหาย
ซึ่งนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า การกีดกันทางการค้าถือเป็นหนทางสู่ความล่มสลาย และทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักกว่าเดิม
ขณะที่ประธานกรรมาธิการอียู ระบุว่า ประเทศยุโรปตะวันออกได้รับเงินช่วยเหลือไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์ ทั้งจากกองทุนฉุกเฉิน และกองทุนเงินกู้จากอียู และธนาคารโลก รวมทั้งสถาบันการเงินอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจัดทำแผนกู้วิกฤตฉบับใหม่ขึ้น แม้จะมีความเป็นไปได้ว่าชาติยุโรปตะวันออกอาจต้องใช้เงินกว่า 300,000 แสนล้านดอลลาร์ ในการกู้วิกฤตครั้งนี้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมจะยังคงยึดแนวทางความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รวมทั้งตกลงว่าแผนการกอบกู้สถาบันทางการเงินและอุตสาหกรรมรถยนต์ในแต่ละประเทศ จะต้องไม่เป็นการกีดกันทางการค้า หรือทำให้เศรษฐกิจชาติสมาชิกเสียหาย
ซึ่งนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า การกีดกันทางการค้าถือเป็นหนทางสู่ความล่มสลาย และทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักกว่าเดิม
