ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ กำลังหารือกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อให้รัฐบาลเข้ามาถือหุ้นเพิ่ม โดยจำนวนหุ้นที่รัฐบาลเข้าถือนั้น ในที่สุดแล้วอาจจะสูงถึง 40% เลยทีเดียว ทั้งนี้ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล
ถึงแม้รายงานข่าวของวอลล์สตรีทเจอร์นัลกล่าวว่า รัฐบาลอเมริกันอาจจะเข้าถือหุ้นสามัญของซิตี้กรุ๊ปถึง 40% แต่หนังสือพิมพ์นี้ก็อ้างแหล่งข่าวหลายรายซึ่งทราบเรื่องการเจรจาคราวนี้ บอกว่าผู้บริหารของซิตี้กรุ๊ปกลับต้องการให้รัฐบาลเข้ามาถือหุ้นในราว 25% เท่านั้น
รายงานของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้บอกด้วยว่า คณะรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังมิได้ออกมายืนยันจะสนับสนุนแผนการนี้หรือไม่
จากการสอบถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เอง แหล่งข่าวที่ทราบถึงสถานการณ์เป็นอันดีผู้หนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า ตอนนี้ซิตี้กับหน่วยงานกำกับดูแล กำลังมีการเจรจากันเกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลอาจจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารที่เคยมีฐานะเป็นแบงก์ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯแห่งนี้
ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ซิตี้กำลังเจรจากับพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯถึงสถานการณ์ที่ว่า หุ้นบุริมสิทธิมูลค่าเท่ากับ 45,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯถือครองอยู่ อันสามารถที่จะแปลงเป็นหุ้นสามัญของซิตี้กรุ๊ปได้ 7.8% นั้น อาจจะมีการนำมาแปลงเป็นหุ้นสามัญกันเสียเลยเป็นจำนวนที่มากพอดูจำนวนหนึ่ง
แผนการเช่นนี้จะไม่ทำให้ต้องใช้เงินภาษีของประชาชนเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แต่บรรดาผู้ถือหุ้นของซิตี้นั่นแหละจะต้องเห็นหุ้นของตัวเองถูกลดค่าลงไป และรัฐบาลก็จะมีอิทธิพลต่อซิตี้เพิ่มขึ้นอีกมาก
นอกจากวอลล์สตรีทเจอร์นัลแล้ว ทางด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ก็ได้รายงานไว้ในเว็บไซต์ของตนว่า แผนการที่กำลังพิจารณาที่จะนำมาใช้กับซิตี้นี้ อาจเปิดทางให้มีการนำไปใช้กับธนาคารใหญ่แห่งอื่น ๆด้วย
ถึงแม้รายงานข่าวของวอลล์สตรีทเจอร์นัลกล่าวว่า รัฐบาลอเมริกันอาจจะเข้าถือหุ้นสามัญของซิตี้กรุ๊ปถึง 40% แต่หนังสือพิมพ์นี้ก็อ้างแหล่งข่าวหลายรายซึ่งทราบเรื่องการเจรจาคราวนี้ บอกว่าผู้บริหารของซิตี้กรุ๊ปกลับต้องการให้รัฐบาลเข้ามาถือหุ้นในราว 25% เท่านั้น
รายงานของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้บอกด้วยว่า คณะรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังมิได้ออกมายืนยันจะสนับสนุนแผนการนี้หรือไม่
จากการสอบถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เอง แหล่งข่าวที่ทราบถึงสถานการณ์เป็นอันดีผู้หนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า ตอนนี้ซิตี้กับหน่วยงานกำกับดูแล กำลังมีการเจรจากันเกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลอาจจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารที่เคยมีฐานะเป็นแบงก์ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯแห่งนี้
ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ซิตี้กำลังเจรจากับพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯถึงสถานการณ์ที่ว่า หุ้นบุริมสิทธิมูลค่าเท่ากับ 45,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯถือครองอยู่ อันสามารถที่จะแปลงเป็นหุ้นสามัญของซิตี้กรุ๊ปได้ 7.8% นั้น อาจจะมีการนำมาแปลงเป็นหุ้นสามัญกันเสียเลยเป็นจำนวนที่มากพอดูจำนวนหนึ่ง
แผนการเช่นนี้จะไม่ทำให้ต้องใช้เงินภาษีของประชาชนเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แต่บรรดาผู้ถือหุ้นของซิตี้นั่นแหละจะต้องเห็นหุ้นของตัวเองถูกลดค่าลงไป และรัฐบาลก็จะมีอิทธิพลต่อซิตี้เพิ่มขึ้นอีกมาก
นอกจากวอลล์สตรีทเจอร์นัลแล้ว ทางด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ก็ได้รายงานไว้ในเว็บไซต์ของตนว่า แผนการที่กำลังพิจารณาที่จะนำมาใช้กับซิตี้นี้ อาจเปิดทางให้มีการนำไปใช้กับธนาคารใหญ่แห่งอื่น ๆด้วย