นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้เลี้ยงไก่ไข่เป็นเกษตรกรที่มีภาวะย่ำแย่ที่สุดในภาคปศุสัตว์ เพราะขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะต้องประสบภาวะขาดทุนอีกในปีนี้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างจริงจังจากรัฐบาล สำหรับสาเหตุหลักคือผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาด และวิธีดีที่สุดในการแก้ปัญหาคือการลดปริมาณพ่อแม่พันธุ์ พร้อมกับควบคุมอายุการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์และไก่ไข่ยืนกรงให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมตามมติคณะกรรมการ นโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ควรต้องเข้ามาควบคุมการปลดแม่ไก่แก่ยืนกรงที่มีอายุเกิน 72 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการควบคุมให้ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดลดลงจากเดิม 30 ล้านฟองต่อวัน มาอยู่ที่ 27 ล้านฟองต่อวัน เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราการบริโภคในปัจจุบัน ขณะเดียวกันภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการรณรงค์บริโภคไข่ไก่อย่างจริงจัง ส่วนการระบายไข่ส่วนเกินออกไปจากระบบด้วยการส่งออกนั้น เป็นแนวทางที่ดี แต่ผู้ส่งออกต้องแบกรับภาระการขาดทุน เนื่องจากขายได้ในราคาต่ำกว่าต้นทุน จึงอยากให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือ ด้วยการจัดสรรงบประมาณ 70-100 ล้านบาท มาสนับสนุนการส่งออก
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ควรต้องเข้ามาควบคุมการปลดแม่ไก่แก่ยืนกรงที่มีอายุเกิน 72 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการควบคุมให้ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดลดลงจากเดิม 30 ล้านฟองต่อวัน มาอยู่ที่ 27 ล้านฟองต่อวัน เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราการบริโภคในปัจจุบัน ขณะเดียวกันภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการรณรงค์บริโภคไข่ไก่อย่างจริงจัง ส่วนการระบายไข่ส่วนเกินออกไปจากระบบด้วยการส่งออกนั้น เป็นแนวทางที่ดี แต่ผู้ส่งออกต้องแบกรับภาระการขาดทุน เนื่องจากขายได้ในราคาต่ำกว่าต้นทุน จึงอยากให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือ ด้วยการจัดสรรงบประมาณ 70-100 ล้านบาท มาสนับสนุนการส่งออก